ราชทัณฑ์แจงผลตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี 'ประสิทธิ์  เจียวก๊ก' วางแผนหลบหนีที่ศาล

ประสิทธิ์  เจียวก๊ก

ราชทัณฑ์แจงผลตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี 'ประสิทธิ์  เจียวก๊ก' วางแผนหลบหนีที่ศาล





ad1

30 ธ.ค. 2565  นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณี นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ได้วางแผนหลบหนีขณะออกไปศาลอาญาระหว่างพิจารณาคดี โดยฉวยโอกาสในขณะที่ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ กรมราชทัณฑ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และขอให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน โดยผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา เป็นประธานกรรมการ ในการสอบหาข้อเท็จจริง 
.
นายอายุตม์ กล่าวว่า บัดนี้เป็นระยะเวลาครบ 7 วันแล้ว เบื้องต้นคณะกรรมการได้สอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่า ลังไม้ที่ใช้เก็บกุญแจข้อเท้าซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านนอกที่ทำการอาคารฝ่ายควบคุมกลาง เรือนจำกลางคลองเปรม ไม่ได้มีการปิดล็อคกุญแจลังไม้ หลังจากที่มีการสวมใส่กุญแจเท้าให้กับผู้ต้องขังที่เบิกตัวไปศาลเรียบร้อยแล้ว ผู้ต้องขังอาศัยช่วงโอกาสในการหยิบ พวงกุญแจพร้อมลูกกุญแจที่อยู่ในลังไม้ดังกล่าว ทำให้ผู้ต้องขังสามารถลักลอบนำลูกกุญแจจากพวงกุญแจ ที่ไม่ได้มีการยึดติดไว้มาแอบซุกซ่อนในหน้ากากชนิดผ้าและออกไปศาลในวันดังกล่าว 
.
โดยขณะที่นายประสิทธิ์อยู่ที่ศาลระหว่างที่ขึ้นไปห้องพิจารณาคดีได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเข้าห้องน้ำโดยอ้างว่าปวดท้องหนัก ซึ่งระหว่างนั้นได้มีการนัดแนะกับบุคคลภายนอกเพื่อนำเสื้อผ้าเพื่อใช้ในการหลบหนี อาศัยผนังห้องน้ำในการส่งเสื้อผ้าให้กับนายประสิทธิ์ จากนั้นนายประสิทธิ์ได้เปลี่ยนเป็นชุดลำลองและเดินออกมาจากห้องน้ำเดินมาที่บันไดชั้น 9 ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้กลับไปตรวจสอบห้องน้ำอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่พบนายประสิทธิ์แล้วจึงมั่นใจว่านายประสิทธิ์ได้หลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามเข้าจับกุมได้ที่บริเวณชั้น 3 
.
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการพบว่า เป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมในการตรวจสอบเครื่องพันธนาการ การดูแล การเก็บรักษากุญแจ รวมถึงการตรวจค้นร่างกายผู้ต้องขังก่อนออกภายนอกเรือนจำเพื่อนำไปขึ้นศาล ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมนายประสิทธิ์เข้าห้องน้ำในวันนั้นไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมผู้ต้องขัง เป็นเหตุให้ผู้ต้องขังฉวยโอกาสในการหลบหนีไปได้ 
.
ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบางส่วนไปปฏิบัติหน้าที่ภายในส่วนกลางกรมราชทัณฑ์และย้ายออกจากเรือนจำที่ปฏิบัติงานไว้ก่อนแล้ว ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะได้ดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญากับ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป