‘ชัยวุฒิ’ ขอบคุณตำรวจ ทลายแก๊งพนันออนไลน์ ตามนโยบายนายกฯ รักษาภาพลักษณ์ประเทศ

‘ชัยวุฒิ’ ขอบคุณตำรวจ ทลายแก๊งพนันออนไลน์

‘ชัยวุฒิ’ ขอบคุณตำรวจ ทลายแก๊งพนันออนไลน์ ตามนโยบายนายกฯ รักษาภาพลักษณ์ประเทศ





ad1

‘ชัยวุฒิ’ ขอบคุณตำรวจ ทลายแก๊งพนันออนไลน์ ตามนโยบายนายกฯ รักษาภาพลักษณ์ประเทศห้วงประชุมเอเปค 2022 เตือนจนท.รัฐ ขายข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทษหนักตาม กม.PDPA คิดเป็นกรรม สัปดาห์หน้า ‘พลเอกประวิตร’ นัดประชุมเร่งรัดงาน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานกำลังเจ้าจับกุมแก๊งแอพพลิเคชั่นพนันออนไลน์ ชาวจีนกว่า 50 คน และ มีเม็ดเงินเข้าใช้บริการมากถึง 500 ล้านบาทว่า  ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายทั้งตำรวจไซเบอร์ ตำรวจนครบาล และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่เร่งรัด กวาดล้าง ปัญหาอาชญากรรม ทั้งอาชญากรรมออนไลน์ และสถานที่อโคจรต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศในห้วงของการประชุมเอเปค 2022

ในส่วนของกระทรวงดีอีเอส ได้ประชุมมีการประชุมติดตามสถานการณ์ และหาแนวทางเร่งรัดและแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยร่วม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI ) , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) , ธนาคารแห่งประเทศไทย ,กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดแก้ปัญหา 

โดยเฉพาะการหลอกลวงทางการเงิน ใน 5 ด้าน ได้แก่

1.แก๊ง Call Center
2.แชร์ลูกโซ่-ระดมทุนออนไลน์
3.การพนันออนไลน์
4.บัญชีม้า
5.การหลอกหลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ 

ซึ่งพบว่า คนร้ายมีการปรับรูปแบบและวิธีการหลอกหลวงประชาชน จนมีเหยื่อหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก และมีการจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง จากสถิติผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ปี พ.ศ. 2565 นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จนถึง วันที่ 24 ตุลาคม 2565 ศาลมีคำสั่งลงโทษผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้ว 184 คำสั่ง มี URLs ที่ผิดกฎหมายจำนวน 4,736 URLs 

นอกจากนี้ ล่าสุดทางตำรวจยังมีการสอบสวนขยายผล กรณีแก๊ง Call Center พบ ‘เจ้าหน้าที่ของรัฐ’ เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นตัวการในการขายข้อมูลในระบบราชการของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้มีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ของ กระทรวงดีอีเอสโดยตรง ฐานนำข้อมูลส่วนบุคคลผู้อื่นไปขาย มีโทษอาญา จำคุก สูงสุด 1 ปี ต่อกรรม หากขายข้อมูล 10 คน ก็จะมีโทษถึง 10 ปี ถ้า100 คน โทษก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ปี นอกจากนี้ยังมีความผิดฐานเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษอาญา จำคุก 2 ปี และหากขายข้อมูลจนทำให้เสียหายเป็นวงกว้าง ทางสังคมโทษ จำคุกสูงสุดถึง 7 ปี

จึงขอเตือนเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน บุคคลที่ สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่นๆได้ ให้ระวัง การกระทำที่ผิดกฎหมาย

นายชัยวุฒิกล่าวด้วยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับงานด้านนี้ ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสัปดาห์หน้า ได้นัดประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการทำงานให้เป็นรูปธรรม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย