“ไร่ตั๋วกะหมี”กาแฟไทยพันธุ์ดีถิ่นเหนือ ลูกค้าชาวกรุงหลงกลิ่นรสชาติ

“ไร่ตั๋วกะหมี”กาแฟไทยพันธุ์ดีถิ่นเหนือ ลูกค้าชาวกรุงหลงกลิ่นรสชาติ





Image
ad1

ชีวิตที่คลุกคลีอยู่ตามไร่ บนดอยมานานร่วม 27 ปี จนร่วมพัฒนาพื้นที่ทำไร่กาแฟจนประสบผลสำเร็จ ภายใต้ชื่อ “ไร่ตั๋วกะหมี” จนประสบผลสำเร็จและเคยคว้ารางวัลมามากมาย  เนื่องจากภาครัฐร่วมสนับสนุนเพื่อให้กลุ่มชาติพันธุ์ “ชาวม้ง” ได้หันมาทำไร่กาแฟ เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับชุมชนได้มีงานทำ และมีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว ทดแทนการปลูกฝิ่นในยุคนั้น

 “ตั๋ว จางอรุณี” เล่าวว่าหลังจากกรมประชาสงเคราะห์ได้เข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มชาติพันธุ์ อ.เมืองปาน จ. ลำปางได้หันมาทดลองทำไร่กาแฟ สายพันธุ์อาราบิก้า บนเนื้อที่ 26 ไร่ ซึ่งตอนแรกๆไม่ได้มีความรู้เรื่องกาแฟมากนัก อาศัยเจ้าหน้าที่รัฐมาให้ความรู้เรื่องการเพาะปลูก จนกระทั่งได้อาศัยประสบการณ์ ลองผิด ลองถูกบ้างตามธรรมชาติ ถ้าฝนดีกาแฟขึ้นต้นสวยงาม ถ้าแห้งแล้งจะห่อเหี่ยวบ้าง

จนในที่สุดได้องค์ความรู้ เรื่อง “กาแฟ” ปลูกได้ไม่ยาก พืชประเภทนี้ชอบความแห้งแล้ง ที่ไร่อาศัยน้ำตามลำธารใกล้เคียงมาใช้รดต้นกาแฟในไร่ จนออกดอกมีเมล็ดที่สวยงาม สร้างชื่อเสียง สามารถขายกาแฟสร้างรายได้หมุนเวียน เมื่อช่วงปี 2556-2557 ทางไร่ตั๋วกับหมีขายเมล็ดกาแฟได้กิโลกรัมละ 120บาท (กระเทาะเปลือกแล้ว)  ส่วนใหญ่ส่งขายตามโครงการหลวงฯ หลังจากนั้นพอเริ่มมีชื่อเสียง จะมีคนมารับซื้อไปขายต่อในตลาดอีกครั้ง

ยิ่งในยุคนี้ตลาดเมล็ดกาแฟยังเป็นที่ต้องการสูงมาก เนื่องจากว่าคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจดื่มกาแฟเพิ่มขึ้น จนไม่สามารถที่รองรับตลาดได้อย่างเพียงพอ บางช่วงเมล็ดกาแฟขาดตลาดด้วย บางครั้งลูกค้ามากว้านซื้อถึงที่ไร่ จนคั่วกาแฟไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า

ถึงกระนั้น การทำไร่กาแฟ ยุคนี้ต้นทุนค่อนข้างสูง ต้องว่าจ้างคนงาน ค่าปุ๋ย ต้องดูแลต้นกาแฟให้สมบูรณ์ เพื่อที่ให้ออกดอกมีเมล็ดพันธุ์ที่ดี อย่างการทำไร่กาแฟ 16 ไร่ สามารถปลูกต้นกาแฟได้ 400 ต้นต่อไร่ ช่วงหลังมานี้ๆทางกรมพัฒนาชุมชนในพื้นที่ มาให้ความรู้เรื่องการแปรรูปกาแฟและการทำตลาด เพื่อพัฒนาชาวไร่ได้เรียนรู้ทันกับการตลาดยุคใหม่ อย่างการได้มาออกงาน โชว์กาแฟที่กรุงเทพฯ เป็นส่วนหนึ่งให้คนรู้จัก “กาแฟเกอิชา แม่แจ๋ม” สายพันธุ์กาแฟในตระกูลอะราบิก้า