ศรีสะเกษเตรียมพร้อมรับมวลน้ำก้อนใหญ่ทะลักเข้าพื้นที่จากเขื่อนแตกที่มหาสารคาม


ผู้ว่าฯศรีสะเกษ ลงตรวจสถานการณ์น้ำ เตรียมพร้อมรับมวลน้ำทะลักเข้าพื้นที่ จากเหตุการณ์เขื่อนแตกที่มหาสารคาม กำชับทุกภาคส่วนเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างเต็มที่
อนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหัวนา (เขื่อนหัวนา) ตำบลหนองแก้ว อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ ตลอดจนตรวจสอบปริมาณระดับน้ำในพื้นที่ลำน้ำมูล และลำน้ำชี เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับมวลน้ำที่จะเข้ามาในพื้นที่ จากเหตุการณ์อ่างห้วยเชียงคำ ตำบลโนนราษี อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม เกิดน้ำกัดเซาะทำนบดินได้รับความเสียหาย ซึ่งอ่างเก็บน้ำดังกล่าวมีมวลน้ำปริมาณ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร และอาจส่งผลกระทบต่ออำเภอที่ติดลำน้ำมูล ของจังหวัดศรีสะเกษ
ประกอบด้วย อำเภอศิลาลาด อำเภอราษีไศล อำเภอยางชุมน้อย อำเภอกันทรารมย์ และลงพื้นที่ จุดเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบ ในพื้นที่ตำบลทาม อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีนายพีระพงศ์ หมื่นผ่อง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้
นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เราได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนหัวนา และติดตามมวลน้ำจากจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งจากการวิเคราะห์ ทำให้ทราบว่าปริมาณน้ำจากอ่างห้วยเชียงคำ จังหวัดมหาสารคาม ที่จะไหลเข้ามาในพื้นที่ อาจจะส่งผลกระทบต่อจังหวัดศรีสะเกษ แต่ไม่มากนัก เพราะระดับลำน้ำมูลในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ สามารถรองรับมวลน้ำที่จะเข้ามาได้ ซึ่งในวันนี้เป็นการซักซ้อมการเตรียมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในห้วงขณะก่อนเกิดภัย
ทั้งในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด ได้ดำเนินการสื่อสาร เชื่อมโยงข้อมูล ด้านน้ำ ด้านสภาพอากาศ ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ โดยตนได้เน้นย้ำหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทำงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แบบมุ่งเป้า และกำชับ 4 อำเภอ ที่จะได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่มาจากมหาสารคาม เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างเต็มที่
นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของประชาชน ขอให้ติดตามข่าวสารและรับการแจ้งเตือนจากทางหน่วยงานราชการ ทั้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดความวิตกกังวลกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่เป็นการสร้างความตระหนักให้กับประชาชน โดยเราจะใช้ข้อมูลมาบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งเรามั่นใจว่า หน่วยงานราชการทุกภาคส่วนจะร่วมมือร่วมใจกัน ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี และผ่านสถานการณ์ต่างๆไปด้วยกัน
โดย..เสนาะ วรรักษ/รายงาน