ลาวส่งเซียนพระชื่อดัง-เมียกลับดำเนินคดีในไทยคดีโกง 380 ล้าน

ลาวส่งเซียนพระชื่อดัง-เมียกลับดำเนินคดีในไทยคดีโกง 380 ล้าน





ad1

เจ้าหน้าที่สปป.ลาวจับกุม “รุต นครสวรรค์”เซียนพระชื่่อดัง และเมียส่งกลับมาดำเนินคดีในไทย หลังก่อเหตุนำพระเครื่องของผู้เสียหาย 564 องค์ จำนวน 380 ล้านบาทไปปล่อยเช่า แต่ไม่จ่ายเงินกลับเซ็นเช็คแทน เมื่อไปขึ้นเงินเช็คเด้ง กระทั่งถูกจับ เจ้าตัวยอมรับผิดแต่ไม่คืนเงิน

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2567พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ คุมตัวนายธนพล หรือรุต คำภิรานนท์ อายุ 34 ปี และนางอมรรัตน์ คำภิรานนท์ อายุ 34 ปี สองผัวเมีย ผู้ต้องหาในคดีเช็คเด้งเป็นจำนวนเงิน 380 ล้านบาทและคดีฉ้อโกงมาสอบสวนเพิ่มเติม หลังหนีคดีไปอยู่ที่ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ส่งตัวผู้ต้องหาข้ามแดนกลับมาไทย

คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 25 พ.ค. พ.ต.อ.สุรกานต์ มุดซาเคน ผกก.สภ.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย รับการประสานจากเจ้าหน้าที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ว่า จับกุมผู้ต้องหา 2 คนหนีหมายจับของทางการไทยข้ามแดนไปซ่อนตัวแถวเขตพื้นที่คิงส์โรมันให้กลับมารับโทษที่ฝั่งไทย สั่งการให้ตำรวจชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.โกวิทย์ จักรสมศักดิ์ สว.สส.สภ.บ้านแซว ร.ต.อ.ศุภชัย ก้างออนตา รอง สว.สส. ร.ต.อ.วินัย เชยบาน ร.ต.อ.พิชญ์พัชระ พิชญณันทร์ รอง สว.ด่าน ตม.เชียงแสน ไปรับตัวผู้ต้องหาตามที่ได้รับการประสานที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่รับตัวผู้ต้องหา 2 คน ทราบชื่อนายธนพล หรือรุต คำภิรานนท์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/52 หมู่ 4 ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในวงการพระเครื่องจะรู้จักกันในชื่อ “รุต นครสวรรค์” เซียนพระชื่อดังในพื้นที่จ.นครสวรรค์ ศาลแขวงนครสวรรค์ออกหมายจับที่ 155/2567 ในข้อหาความผิดว่าด้วยการใช้เช็ค และนางอมรรัตน์ คำภิรานนท์ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 88/52 หมู่ 4 ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ภรรยาของนายธนพล ศาลแขวงนนทบุรีออกหมายจับเลขที่ จ.70/2567 ในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์และร่วมกันฉ้อโกง ทั้งคู่หลบหนีความผิดออกจากพื้นที่ และข้ามแดนไปค้าขายอยู่ฝั่ง สปป.ลาว ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.67 ตำรวจควบคุมตัวทั้งคู่ไปที่ สภ.บ้านแซว เพื่อตรวจสอบและสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่าทั้งคู่เป็นบุคคลตามหมายจับจริง แจ้งข้อหาให้ได้รับทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จ.นครสวรรค์มารับตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมา พ.ต.อ.ปัณณทัต เศวตะทัต ผกก.สส.ภ.จ.นครสวรรค์ เดินทางมารับตัวผู้ต้องหา ตรวจสอบประวัติทราบว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.67 ศาลแขวงนครสวรรค์อ่านคำพิพากษา ระหว่างพนักงานอัยการคดีศาลแขวงนครสวรรค์ (โจทก์) นายบุญยืน แซ่กัง (โจทก์ร่วม) นายธนพล คำภิรานนท์ (จำเลย) เรื่อง พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลัง เนื่องจากจำเลยไม่มาร่วมฟังว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 8 กระทง เป็นจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงเหลือจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก 48 เดือน

นายธนพล หนีคดีไม่มารับฟังคำพิพากษาหนีข้ามไป สปป.ลาว กระทั่งถูกจับกุมนำตัวส่ง สภ.เมืองนครสวรรค์ นายบุญยืน แซ่กัง นักธุรกิจผู้เสียหาย เปิดเผยว่า นายรุตเป็น 1 ในคณะกรรมการตัดสินพระเครื่องของสมาคมพระเครื่องไทย มีฉายา “รุต นครสวรรค์” ในวงการพระเครื่องเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ ตนเคยถูกนายรุตหลอกนำพระปลอมมาจำนำอ้างว่าเป็นพระแท้ เมื่อไปตรวจสอบแหล่งเช่าพระหลายสถานที่ เซียนพระต่างยืนยันเป็นพระปลอม นายรุตยังไม่ชดใช้เงินคืนแต่อย่างใด กระทั่งมีข้อตกลงกันว่า นายรุตจะนำพระเครื่องของตน 564 องค์ จำนวน 380 ล้านบาท ไปปล่อยบูชา นายรุตปล่อยพระบูชาไปหมดแล้วแต่ไม่นำเงินมาให้ เมื่อทวงถามกลับเซ็นเช็คเปล่าใบละ 10 ล้านบาท จำนวน 38 ใบ รวมเป็นเงิน 380 ล้านบาท มาให้แทน เมื่อไปขึ้นเงิน เช็คเด้ง แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ภายหลังตำรวจจับกุมตัวสองผัวเมียได้แล้ว ตนสอบถาม

นายรุต บอกว่ายอมรับผิด แต่จะไม่ขอพูดเรื่องจะคืนพระหรือจะคืนเงินที่นำพระไปปล่อยเช่าแต่อย่างใด

ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี เดินทางมาที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อขออายัดตัว นางอมรรัตน์ คำภิรานนท์ ไปดำเนินคดีในท้องที่ตามหมายจับในคดี พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คและฉ้อโกง