เศรษฐกิจตกต่ำ ค้าโคในประเทศทรุด ส่งออกชายแดนแนวโน้มงหลังรัฐบาลเปิดเสรี

ธุรกิจการค้า“โค”ปี' 67 ในประเทศไม่เวิร์ค ทั้งราคาและยอดขาย ร่วง 20 – 30 % เหตุปัจจัยเศรษฐกิจร่วงกว่าปีที่แล้ว แต่มีสัญญาณดีรัฐบาลโอเพ่นการค้าโคชายแดนไทย มาเลเซีย จีน เวียดนาม จะมีพ่อค้าเคลื่อนไหวเข้ามาหาซื้อโคส่งออก ก็จะส่งผลต่อการตลาด และการเลี้ยงในทิศทางที่ดี และต่อราคา

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 นายวิรัตน์ รอดนวล ประธานกรรมการวิสาหกิจชุมชนคนเลี้ยงวัวลังกาสุกะพัทลุง และประธานกรรมการ บริษัท ลังกาสุกะฟาร์ม จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะการค้าและเลี้ยงโคพื้นบ้านในปี 2567 จะซบเซากว่าปี 2566 โดยได้ลงทั้งยอดขายและราคาถึง 20 -30 % เช่นที่ซื้อขาย 10 ตัว / ล๊อตตอนนี้เหลือประมาณ 7-8 ตัว และจากราคาปีที่แล้ว 100 บาท / กก. มาในปี 2567 เหลือประมาณ 70 – 80 บาท / กก. ประมาณ 20,000 บาท / ตัว โดยเฉพาะโคกุรบานที่จะเชือดทำพิธีทางศาสนาอิสลามที่จะมีขึ้นหลังวันอีดิ้ลอัฎฮาหรือวันรายอฮัจยี ในเร็ว ๆ นี้

“ปัจจัยสำคัญที่ยอดการค้าขายโคไม่ดี เพราะเศรษฐกิจของประชาชนไม่ดีจึงไม่มีกำลังซื้อ ต่างกับปีก่อนที่กำลังและเศรษฐกิจจะดีกว่า” นายวิรัตน์ กล่าว

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมการซื้อขายโคในพื้นที่ภาคใต้ประมาณ 6 เดือน / ปี โดยตอนบนจาก จ.กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง เคลื่อนไหวออกสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่งออกประเทศมาเลเซียประมาณเฉลี่ย 2,500 ตัว / เดือน ประมาณ 15,000 ตัว จะเป็นเงินประมาณ 300 ล้านบาท สำหรับโคพื้นบ้าน

นายวิรัตน์ กล่าวว่า แต่ถึงอย่างไรเพื่อการค้าโคและเลี้ยงมิให้ฉุดอยู่กับที่หรือทรุดลงว่านี้ ทางภาครัฐ รัฐบาลได้มีการเคลื่อนไหวสนับสนุนเปิดตลาดการค้ากับต่างประเทศ และทราบว่าประมาณ 2 สัปดาห์ จะมีการเปิดการส่งออกโคไปต่างประเทศ เช่น เวียดนาม จีน และมาเลเซีย

“หากมีการค้าโคโอเพ่นชายแดนไทย เวียดนาม จีน มาเลเซีย ก็จะมีพ่อค้าจากต่างประเทศไหลเข้ามาซื้อขายกันเป็นจำนวนมาก ก็จะส่งผลต่อการเลี้ยงโค และค้าขายไปในทิศทางที่ดี เศรษฐกิจในส่วนนี้ก็จะกระเตื้องขึ้น”
ผู้เลี้ยงโคพื้นบ้านรายย่อย เปิดเผยว่า การเลี้ยงโคพื้นบ้านกุรบานแม้ว่าจะไม่ขาดทุนในปี 2567 แต่ก็ไม่ค่อยจะมีกำไรเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะมีการซื้อขายกันส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่ 20,000 บาท / ตัว และกว่า 20,000 บาทต้น ๆ / ตัว โดยใช้ระยะการเลี้ยงประมาณ 1 ปีเศษ หญ้าเป็นอาหารหลัก ซึ่งทางด้านอาหารจะไม่มีต้นทุน แต่มีต้นทุนทางด้านน้ำมันและระยะเวลา แต่หากเป็นอาชีพจะไปได้ดี.

โดย...อัสวิน ภักฆวรรณ