คลื่นศรัทธาเนืองแน่นนับพันร่วมแห่"หลวงพ่อทอง"ประดิษฐาน ณ วิหารวัดบ้านด่าน

คลื่นศรัทธาเนืองแน่นนับพันร่วมแห่"หลวงพ่อทอง"ประดิษฐาน ณ วิหารวัดบ้านด่าน





ad1

พุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยว นับพัน ร่วมแห่"หลวงพ่อทอง"ขึ้นประดิษฐาน ณ วิหารวัดบ้านด่าน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ 

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่วัดบ้านด่าน ตำบลสร้างปี่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ พระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 10 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ 908 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในการประกอบพิธียกช่อฟ้าเอก พระวิหารหลวงพ่อทอง และพิธีอัญเชิญหลวงพ่อทองขึ้นประดิษฐาน ณ วิหารหลวงพ่อทอง โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กรมการกฤษฎีกา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ,นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายบรรจบ จันทรัตน์ รองอธิบดีกรมการปกครอง และ นายขจรศักดิ์ ศรีบุญเรือง ประธานอุปถัมภ์สร้างวิหารหลวงพ่อทอง นำพุทธศานิกชนและชาวบ้านในพื้นที่ อ.ราษีไศล และอำเภอใกล้เคียง นับพันคนร่วมพิธีดังกล่าว 

พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์908

สำหรับ วัดบ้านด่าน แห่งนี้ มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ คือ หลวงพ่อทอง ปางห้ามสมุทร อายุกว่า 700 ปี ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ทางกรมศิลปากรยืนยันว่าเป็นพระพุทธรูปศิลปะ คาดว่าจะสร้างสมัยสุโขทัยตอนปลาย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และแสดงอภินิหารให้ปรากฏอยู่หลายครั้งด้วยกัน เช่นเมื่อครั้งปี พ.ศ. 2508 ซึ่งเป็นปีที่นักแสวงโชคออกหาพระพุทธรูปเพื่อนำไปขายหรือส่งออกต่างประเทศตามความต้องการของตลาด ก็ได้มีนักแสวงโชคมาแอบขโมยหลวงพ่อทอง โดยใช้คนหาม 4 คน มุ่งหน้าเดินทางออกจากวัด  เดินทางทั้งคืนได้แค่ประมาณ 2 กิโลเมตร จึงนำหลวงพ่อทองไปซ่อนไว้ในจอมปลวก วันต่อมาไปจ้างวานเกวียนของชาวบ้านมาขน และเดินทางไปได้ระยะหนึ่งเกวียนก็หัก และได้นำพระพุทธรูปไปทิ้งลงในบ่อน้ำ ชาวบ้านตามหาจนพบจึงได้นำกลับมาบ้านด่านดังเดิม

ขจรศักดิ์ ศรีบุญเรือง ประธานอุปภัมภ์ สร้างวิหารหลวงพ่อทอง

และอีกครั้งที่เมื่อปี 2518 ได้มีกลุ่มคนที่มีอิทธิพลกลับมาขโมยหลวงพ่อทอง บรรทุกใส่รถจี๊ป นำไปถึง อ.ราษีไศล และนำไปเก็บไว้ที่บริเวณบ้านของตนเอง แต่เกิดอาการวิตกจริต จึงได้นำไปซ่อนไว้ที่ป่าละเมาะหาดทรายแม่น้ำมูลใกล้วัดกลาง ชาวบ้านไปค้นหาจนพบและนำไปไว้ที่ สภ.ราษีไศล และได้นำไปเก็บไว้ที่ศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าเป็นหลวงพ่อทอง เป็นพระพทธรูปของวัดบ้านด่าน จึงได้นำกลับมาที่วัดดังเดิมอีกครั้ง และได้นำหลวงพ่อทอง ประดิษฐานไว้ในกรงเหล็กอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายใจบาปมาลักเอาหลวงพ่อทองได้อีก

หลวงพ่อทองเป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านในหมู่บ้าน และชาวจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมถึงต่างจังหวัด เคารพนับถือศรัทธา เชื่อว่าถ้ามาขอพรอะไรก็จะได้สมใจปรารถณา แต่ที่สำคัญถ้าจะขอต้องตะโกนขอเปล่งเสียงออกมาดังๆ เพื่อให้หลวงพ่อทองได้ยิน และต้องทำตัวเป็นคนดี อยู่ในศิลธรรม ถึงจะสำฤทธิ์ผล

ขณะเดียวกันทางวัดบ้านด่าน จะมีหลวงพ่อทอง แล้วปัจจุบันยังมีวิหารหลวงพ่อทอง โดยวิหารหลังนี้ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดศรีสะเกษ ก็ว่าได้ เพราะทางวัดบ้านด่าน ศรีสะเกษ ได้มีการจัดสร้างวิหารได้อย่างวิจิตรงดงาม มีการสลักลวดลายและงานปั้นองค์พญานาคและเทวดานางฟ้าต่างๆ ที่ดูอ่อนช้อยและสวยงาม เหมือนกับสวรรค์บนดินเลย โดยวิหารทั้งหลังนั้นจะเน้นใช้สีขาวเป็นหลัก มองดูคล้ายกับที่วัดร่องขุ่นจังหวัดเชียงรายของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เลยก็ว่าได้ 

นอกจากวิหารหลวงพ่อทอง แล้วยังมีซุ้มประตูโขง ที่หน้าจะเป็นซุ้มประตูที่สวยที่สุดในภาคอีสานก็ว่าได้ จุดเด่นคือ มีการสลักลวดลายและงานปั้นองค์พญานาคและเทวดานางฟ้าต่างๆ ที่ดูอ่อนช้อยและสวยงาม นอกจากนี้ซุ้มประตูนี้ยังจุดที่แปลกไม่เหมือนใคร คือ เวลาไปยืนอยู่ตรงกลางประตูแล้วพูดหรือกระโกนออกมาจะมีเสียงก้องกังวาน คล้ายอยู่ในห้องโถง แต่พอเดินหลุดพ้นซุ้มประตูออกมาแล้วเวลาพูดออกมากับไม่ก้องกังวานเหมือนตอนอยู่ที่ซุ้มประตู ซึ่งถือเป็นสิ่งที่แปลกและเป็นจุดเด่นอีกจุดของทางวัด

เสนาะ วรรักษ/รายงาน