จนท.ล้อมจับแก๊งมอดไม้ลอบขึ้นเขาใหญ่โค่นต้นพะยูงฝั่ง ปราจีนบุรี

จนท.ล้อมจับแก๊งมอดไม้ลอบขึ้นเขาใหญ่โค่นต้นพะยูงฝั่ง ปราจีนบุรี





ad1

เมื่อวันที่  16 ก.พ.67   ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานว่า    สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1( ปราจีนบุรี)    ได้รับรายงานเหตุการณ์จากนายชัยยา ห้วยหงส์ทอง  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่   ระบุว่า

.....     เมื่อวันที่ 15  กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 16.00 น. คณะพนักงานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ออกตรวจลาดตระเวนปราบปรามกระทำผิดว่าด้วยกฎหมาย บริเวณป่าเขากำพร้า ท้องที่ ตำบลบุฝ้าย อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี โดยตรวจยึด จับกุม ชาวไทย จำนวน 5 ราย พร้อมของกลาง ดังนี้ 1.ไม้พะยูง จำนวน 4 ท่อน ปริมาตร  0.17 ลูกบาศก์เมตร 2.เลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง 3.ตลับเมตร จำนวน 1 อัน ขณะนี้กำลังดำเนินการบันทึกจับกุม ผู้กระทำผิดพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรประจันตคาม

ทั้งนี้   วานนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2567  ) เวลาประมาณ 16.00   น. คณะพนักงานเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.๑๐ (ประจันตคาม) ชุดลาดตระเวนที่ ๑ และ ๓ (ส่วนกลาง) ประกอบด้วยนายวุทฒิชัย ปิ่นแก้ว ตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า ทำหน้าที่หัวหน้าชุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๒ บก.ปทส.ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ตามที่มีผู้หวังดีไม่ประสงค์ออกนามต้องการเงินสินบนนำจับเมื่อคดีถึงที่สุดบริเวณป่าเขากำพร้า ตำบลบุฝ้ายอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แจ้งว่ามีกลุ่มคนเข้ามาลักลอบทำไม้พะยูง ในพื้นที่ดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปตรวจสอบพบร่องรอยคนเดินเท้าเข้าออกบ่อยครั้ง คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเข้าไปตรวจสอบพบร่องรอยเท้ากลุ่มคนจำนวนหนึ่งได้ทำการติดตามร่องรอยไปจนถึงจุดเกิดเหตุได้ยินเสียงเลื่อยดังและเสียงไม้กระแทกพื้น จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบดักซุ่ม พบเห็นชายกลุ่มหนึ่งกำลังร่วมกันใช้เลื่อยตัด บั่นทอนต้นไม้ที่ถูกเลื่อย ตัดโค่น เหลือเพียงตอ

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจสอบและสามารถจับกุมได้จำนวน 4คน สอบถามเบื้องต้นได้ทราบชื่อภายหลังว่า 1นายอดุลย์ เจริญกุล    2 นายฐาปนา อายุ 39 ปี ราษฎรบ้านตะคร้อใต้ อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี 3นายไอศูรย์ อายุ 25 ปี ราษฎรบ้านตะคร้อเหนือ4 นายวิชา อายุ 39 ปี ตำบลท่าคร้อ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

คณะเจ้าหน้าที่สอบถามบุคคลทั้ง 4 ให้การรับว่าตนได้เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพื่อลักลอบตัดไม้ พร้อมพวกรวมสี่คน มาทำบันทึกที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.๑ㆍ (ประจันตคาม) เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นป่ารกและไม่สะดวกสำหรับจัดทำบันทีกจับกุม

 เมื่อตรวจสอบเนื้อไม้ สีของไม้ ปรากฎว่าเป็นไม้พะยูง (Dalbergia cochinchinensis Pierra) ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้มาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ไม้พะยูงดังกล่าวไม่พบรูปรอยดวงตราของพนักงานเจ้าหน้าที่ตีตราประทับแต่อย่างใดเจ้าหน้าที่ ได้พบของกลาง ดังนี้   ไม้พะยูง จำนวน ๔ ท่อน ปริมาตรรวม O.๑๗ ลูกบาศก์เมตร,  เลื่อยโซ่แบตเตอรี่ไร้สาย ความยาวบาร์เลื่อยขนาด ดด.๕ นิ้ว จำนวน ๑ เครื่อง   , ตลับเมตร จำนวน ๑ อัน

คณะเจ้าหน้าที่ได้แจ้งแก่นายอดุลย์ เจริญกุล พร้อมพวกรวม 4 คน ว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช พ.ศ. ๒๔๘๔ และตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายตาม ตามพระราชบัญญัติป่ไม้ พุทธศักราช พ.ศ.๒๔๘๔ และตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดคณะเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า

พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔มาตรา ๑๑ ผิดฐานผู้ใดทำไม้ หรือเจาะ หรือสับ หรือเผา หรืออันตรายใด ๆ แก่ไม้หวงห้ามต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่, มาตรา ๖๙ ผิดฐานผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม้นั้นมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒มาตรา ๑๙ (๒) ผิดฐานห้ามมิให้ เก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.

มาตรา ๑๙ (๖) ผิดฐานห้ามมิให้ เข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์  มาตรา ๔๒ ผิดฐานห้ามมิให้ ผู้ใดเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย   หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกชชาติ

 อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๙ (๒) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, มาตรา ๔๔ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๙ (๕) (๖)(๘) หรือ (๙) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ฐานบรรดาไม้ สัตว์ป่า ทรัพยากรธรรมชาติอื่นใดที่มีอยู่ในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกชชาติที่บุคคลได้มาจากการกระทำความผิด หรืออาวุธ เครื่องมือ เครื่องใช้ สิ่งปลูกสร้างอุปกรณ์ สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใดๆ ที่บุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือมีไว้เพื่อใช้กระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ตามมาตรา ๑๙ (๑) (๒) (๔) (๕) (๗)หรือ (๑๐) ให้ริบเสียทั้งสิ้น โดยไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๒ มาตรา ๕๖

นายอดุลย์ พร้อมพวก (ผู้ถูกจับ) ให้การยอมรับว่าตนได้เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จริงเพื่อตัดม้พะยูงและยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

เจ้าหน้าที่ผู้จับได้อ่านบันทึกให้ผู้ถูกจับฟังแล้ว และผู้ถูกจับได้อ่านด้วยตนเองแล้ว รับว่าถูกต้อง มีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.๒๕๖๕ มาตรา 2๒ และได้มอบสำเนาบันทึกการจับกุม ให้แก่ผู้ถูกจับเรียบร้อยเหตุเกิดที่บริเวณป่าเขากำพร้า หมู่ที่ ๘ ตำบลบุฝ้าย อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จริง 

โดย...มานิตย์   สนับบุญ/ปราจีนบุรี