เกษตรกรโคราชเมินเขื่อนงดปล่อยน้ำสนับสนุนลุยทำนาปรังนับหมื่นไร่

เกษตรกรโคราชเมินเขื่อนงดปล่อยน้ำสนับสนุนลุยทำนาปรังนับหมื่นไร่





ad1

นครราชสีมา – ชาวนาท้ายเขื่อนมูลบน ฝืนทำนาปรังนับหมื่นไร่ สูบน้ำคลองธรรมชาติไปใช้ เขื่อนต้องส่งน้ำลงคลองเพิ่มอีกเท่าตัว หวั่นเกิดปัญหาน้ำประปาไม่ได้มาตรฐาน

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567  นายณรงค์ มัดทองหลาง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน ตำบลตระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชลประทานฯ ปรับอัตราการส่งน้ำลงคลองธรรมชาติเพื่อรักษาระบบนิเวศน์และเพื่อการประปาท้องถิ่นในเขตชลประทาน พื้นที่ 2 อำเภอ เพิ่มเป็น 2 เท่า หลังจากเกิดปัญหาปริมาณน้ำภายในลำน้ำมูลที่อยู่ด้านท้ายเขื่อนเริ่มแห้งขอดเป็นช่วงๆ เนื่องจากมีเกษตรกรจำนวนหนึ่งสูบดึงน้ำจากลำน้ำธรรมชาติไปใช้เพาะปลูกข้าวนาปรัง  แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะประกาศแจ้งเตือนไปก่อนหน้านี้แล้ว ให้งดทำนาปรังฤดูกาลนี้ไปก่อน เนื่องจากเขื่อนมูลบนมีน้ำดิบเหลืออยู่ในเขื่อนน้อยกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้จะรุนแรงกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมาจากปรากฏการณ์เอลนิญโญ่

นายณรงค์ มัดทองหลาง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน เปิดเผยว่า เขื่อนมูลบน เป็น 1 ใน 4 เขื่อนหลักของจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้มีปริมาณน้ำภายในเขื่อนมูลบน เหลืออยู่ประมาณ 82 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น จากความจุกักเก็บทั้งหมดที่ 141 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 58 ของความจุ   ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้การได้จริง เพียง 75 ล้านลูกบาศก์เมตร เดิมทีทางเขื่อนได้วางแผนจะส่งน้ำลงลำน้ำธรรมชาติในเขตชลประทานท้ายเขื่อนตลอดช่วงฤดูแล้ง หรือไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2567 รวม 7 ล้านลูกบาศก์เมตร  เพื่อสงวนน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีเกษตรกรส่วนหนึ่งไม่สนประกาศแจ้งเตือนของหน่วยงานราชการและขอความร่วมมือให้งดทำนาปรัง  ได้ฝืนทำนาปรังตลอดแนวลำน้ำ คาดว่าน่าจะมีเกือบ 10,000 ไร่ แถมยังสูบน้ำจากคลองธรรมชาติไปใช้ทำการเพาะปลูก  จึงทำให้น้ำภายในลำน้ำมูลลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว และบางช่วงแห้งขอด 

ทางเขื่อนมูลบนจึงจำเป็นต้องเพิ่มการส่งน้ำลงคลองธรรมชาติ จากเดิมต้องส่งน้ำวันละประมาณ 35,000 ลูกบาศก์เมตร ต้องเพิ่มเป็นวันละประมาณ 70,000 – 80,000 ลูกบาศก์เมตรหรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว  เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำภายในลำน้ำที่ตื้นเขินเกิดปัญหาด้านคุณภาพน้ำ เพราะมีหลายท้องถิ่นที่ต้องใช้น้ำจากลำน้ำธรรมชาติไปผลิตประปาส่งให้ประชาชนได้อุปโภคบริโภค   จึงอยากวอนให้พี่น้องเกษตรกรที่อยู่ติดกับลำน้ำและยังไม่ได้ลงมือทำนาปรัง ให้งดทำการเพาะปลูกในปีนี้ออกไปก่อน  ส่วนคนใดที่เริ่มเพาะปลูกไปแล้ว ขอให้ใช้น้ำอย่างประหยัด  เพราะน้ำในเขื่อนมีไม่เพียงพอส่งน้ำสนับสนุนให้ทำนาปรังได้  ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างมาก  และอาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำเร็วขึ้นและรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ .