พม.ชัยภูมิรุดเยี่ยมครับครัวด.ช.วัย 9 ขวบป่วยชอบหนีออกเร่ร่อนขอทาน

ชัยภูมิ- พม.ชัยภูมิ ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัว ด.ช.วัย 9 ขวบ ป่วยชอบหนีออกเร่ร่อนขอทานนอนริมถนนไปทั่ว

เมื่อวันที่  31 ต.ค.66   ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านพลเมืองดีในพื้นที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ และเครือข่ายผู้ประสานงานสมาคมนักข่าวสื่อมวลชนจังหวัดชัยภูมิ ให้เข้าไปช่วยเหลือ ประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังมีชาวบ้านพบมีเด็กชาย( ด.ช.) วัยเพียง9 ขวบ ที่มีอาการป่วยทางสมองมาตั้งแต่วัย 2 ขวบเศษ ต้องได้รับประทานยาทางจิตเวชมาตลอดและวันไหนหากกินยาไม่ต่อเนื่องเด็กก็จะมีอาการชอบแอบหนีออกจากบ้านไปหาเดินเร่ร่อนหาขอทานและไปหาหลับนอนตามริมถนนสถานที่ต่างไปทั่วทั้งตำบล หมู่บ้าน ตลาดสดไปทั่ว

จึงมีการประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องจากทางพม.ชัยภูมิ โดยมีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชัยภูมิ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ชัยภูมิ และหน่วยงานบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งทางตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลภูเขียว โดยมีนายทรงวุฒิ เพชรล้ำ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลภูเขียว เป็นตัวแทนเทศบาลตำบลภูเขียว เข้าประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และเข้าให้การช่วยเหลือ ด.ช.วัยเพียง 9 ขวบ รายนี้เป็นการด่วน มาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

เบื้องต้นนางสาวภัทรนิษฐ์ ก่อกุศล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสวัสดิการสังคมได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพบเห็นเด็กชายอายุประมาณ 9 ปี มีพฤติกรรมเร่รอน ตระเวนขอเงินและอาหาร ตลาดภูเขียว เขตอำเภอภูเขียว และร้านค้าใกล้เคียง  ก่อนที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ บ้านเลขที่ 62 ม.4 ตำบลผักปัง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับ พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีม one home พม.ชัยภูมิ  โดยได้สอบถามนางบี (นามสมมุติ แม่เด็ก ) ได้ให้ข้อมูลว่า เด็กมักมีพฤติกรรมหลบหนีออกจากบ้านเป็นประจำและหลายวัน โดยมักไปที่ตลาดภูเขียวร้านค้าไปขอเงินและอาหารเป็นประจำ มารดาพยายามติดตามหลายครั้งเมื่อเช้าก็ติดตามกลับมาแล้วแต่เมื่อ มารดาเดินไปเข้าห้องน้ำออกมาไม่พบบุตรชายอยู่ในบ้านแล้ว แต่ไม่ได้ออกตามหา บุตรชายปัจจุบัน อายุ 9 ปี

เริ่มเข้าพบแพทย์ ที่กรุงเทพมหานครฯ ตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบ เนื่องจากเด็กไม่พูดและมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ ยายของเด็กจึงพาไปพบแพทย์ จนได้รับการประเมินว่าเด็กเป็นผู้พิการประเภท 4 ด้านจิตใจและพฤติกรรม หลังจากขึ้นทะเบียนผู้พิการ ด็กได้เข้าเรียนโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษที่กรุงเทพมหานครฯ จนกระทั้งเด็กอายุ 3 ปี เลยย้ายเด็กมาอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ ตั้งแต่มาอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ เด็กไม่เคยเข้าเรียนในระบบการศึกษาเลย เนื่องจากตนเองเห็นว่าเด็กไม่นิ่งและโรงเรียนไกลจากบ้านมาก และเคยได้พาเด็กเข้ารับการรักษาอยู่โรงพยาบาลภูเขียวและรับยาเป็นประจำทุกๆ 1 เดือน แต่ภายหลังเด็กไม่ยอมรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งและเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่ง ทำลายทรัพย์สินภายในบ้าน มักออกจากบ้านเป็นประจำเป็นระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา มารดายืนยันว่าไม่เคยดุด่า หรือ ตีเด็กเลย แต่เด็กชอบทำลายทรัพย์สินภายในบ้าน มารดาจึงปล่อยเด็กออกไปจากบ้าน ปัจจุบันมารดาอาศัยอยู่กับเด็ก 2 คน ยายของเด็กไปประกอบอาชีพรับจ้างก่อสร้างที่กรุงเทพฯส่งเงินมาให้อาทิตย์ละ 2000 บาท เพื่อให้มารดาดูแลเด็กอยู่ที่บ้าน ไม่ให้ประกอบอาชีพ แต่มารดาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่สามารถควบคุมเด็กได้เลยห้ามก็ไม่ฟัง

ขณะที่จากการสอบถามคนในชุมชน ให้ข้อมูลว่าในส่วนเด็กมักมีพฤติกรรมดื้อต่อต้าน กับผู้ดูแลเท่านั้นกับผู้อื่น ไม่มีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง พูดรู้เรื่องและสามารถช่วยเหลือตนเองได้ไม่ก้าวร้าว แต่ช่วงหลังมาประมาณ 1 ปี เด็กมีพฤติกรรมชอบออกนอกบ้านเร่รอนไปนอนตามเทศบาล สถานีตำรวจ หรือ ตลาดเป็นประจำ ชุมชนและแม่ของเด็กก็ออกตามหามาตลอด แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเด็กไว้ได้ อีกด้วย

ด้านนางสาวภัทรนิษฐ์ ก่อกุศล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ เผยว่าแนวทางในการให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นคือ 1. บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ แนะนำบทบาทภาระกิจของหน่วยงานและแนวทางการช่วยเหลือเด็กและดูแลเด็กตามพัฒนาการที่เหมาะสมกับเด็ก ต่อผู้ปกครองเด็ก 2. พนักงานเจ้าหน้าคุ้มครองเด็ก ทำบันทึกสร้างเงื่อนไขข้อตกลงในแนวทางการดูแลเด็ก กรณี เลี้ยงดูไม่เหมาะสม ปล่อยปะละเลยเด็ก ให้เด็กออกจากบ้านในยามวิกาล 3. บ้านพักเด็กฯดำเนินการนำเด็กเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลภูเขียว เนื่องจากเด็กมีอาการโวยวาย ต่อต้าน และทำร้ายเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลจึงได้ดำเนินการรักษาตามอาการและส่งต่อการรักษามายังแผนกจิตเวช โรงพยาบาลชัยภูมิ 4.บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ จะติดตามผลการรักษา ซึ่งหากเด็กมีอาการดีขึ้น จะได้วางแผนการดูแลและช่วยเหลือเด็ก ตามภารกิจหน่วยงานต่อไป