ปั้นเมนูเด็ด ปลากะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล ตวงเงินนทท.มือเติบ

นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง เผยว่า จากการที่การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายปี 2567 จะดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไทย 35 ล้านคน กรมประมงได้เล็งเห็นโอกาส จึงได้สำรวจความ ต้องการของตลาดทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจากทั้งในและต่างประเทศ และคัดเลือกสัตว์น้ำเศรษฐกิจนำร่อง 3 ชนิด ได้แก่ ปลากะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล มาทำการส่งเสริมให้เป็นเมนูอาหารที่มีความโดดเด่น ทั้งด้านรูปลักษณ์ รสชาติ กลิ่น และสีสัน ซึ่งจะช่วยยกระดับวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นวัตถุดิบที่มีมูลค่า ป้อนเข้าสู่ตลาดที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมาก

ประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง

“โดยกรมประมงได้ส่งเสริมความรู้ด้านการเพาะเลี้ยง ให้คำแนะนำและติดตามผลการเลี้ยงเพื่อสร้างผลผลิตให้ได้ปริมาณรองรับความต้องการของตลาด ผลักดันให้เข้าสู่มาตรฐานเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นยังได้ร่วมมือกับสถาบันศิลปะการอาหาร The V School กรุงเทพฯ วางแนวทางการพัฒนาเมนูอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพอาหารทะเลของไทย ด้วยการสร้างเมนูอาหารที่ดึงดูดคุณค่าของวัตถุดิบออกมาผ่านเมนูแปลกใหม่เพื่อกระตุ้นความ ต้องการของผู้บริโภค”

นายประพันธ์ กล่าวถึงจุดเด่นของสัตว์น้ำทั้ง 3 ชนิด ปลากะพงทอง หรืออังเกย ลำตัวสีเหลืองทอง มีจุดสีดำใหญ่บริเวณลำตัว มีโปรตีนและกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 สูง มีเนื้อที่แน่น รสชาติดี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งภูเก็ต (ศพช.ภูเก็ต) สามารถเพาะพันธุ์ได้สำเร็จ ผลิตลูกพันธุ์ออกจำหน่ายให้เกษตรกร ในราคาตัวละ 20 บาท สามารถเลี้ยงได้ทั้งในกระชังบริเวณชายฝั่งทะเลและในบ่อดิน ให้กินปลาสดหรืออาหารเม็ด วันละ 1-2 มื้อ ใช้เวลาเลี้ยง 10-12 เดือน สามารถทยอยจับขายเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 200-250 บาท

ปลิงขาว หรือปลิงทะเล มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโปรตีนและคอลลาเจน นิยมนำมาบริโภคและใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาและอาหารเสริม ศพช.ประจวบคีรีขันธ์ สามารถผลิตลูกพันธุ์ปลิงขาวได้สำเร็จ และมีการจำหน่ายลูกพันธุ์ให้เกษตรกรในราคาตัวละ 5 บาท เพื่อนำไปเลี้ยงต่อในบ่อดิน ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 12 เดือน จะได้ขนาด 300-500 กรัม ซึ่งเป็นขนาดที่เป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อจับขึ้นจำหน่ายให้กับร้านอาหารหรือโรงแรมได้ โดยมีราคาขายปลิงสดอยู่ที่ กก.ละ 250-500 บาท แบบตากแห้ง กก.ละ 1,500-5,000 บาท

ส่วนปูขาว หรือปูทองหลาง เป็นปูทะเลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชินีปู” มีลักษณะเด่น ตัวใหญ่ ก้ามโต เนื้อแน่น รสชาติหวานมัน ไม่มีกลิ่นโคลน ที่สำคัญการเลี้ยงปูทะเลที่ต้นทุนไม่สูงมาก ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 70-90 วัน สามารถจับขายได้ และปัจจุบันกรมประมงได้ผลักดันให้เกษตรกรที่มีบ่อปลา/บ่อกุ้งร้าง หันมาทำเป็นบ่อเลี้ยงปูทะเล ด้วยมีราคาขายปูไข่ในตลาดขนาด 300-500 กรัม กก.ละ 500-800 บาท ส่วนปูเนื้อขนาด 400-700 กรัม กก.ละ 300-600 บาท เกษตรกรสนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง โทร. 0-2579-2422