โครงการชลประทานศรีสะเกษแจ้งเตือนราษฎรบริเวณลำห้วยทับทันรับมือเอ่อน้ำท่วมฉับพลัน

โครงการชลประทานศรีสะเกษแจ้งเตือนราษฎรบริเวณลำห้วยทับทันรับมือเอ่อน้ำท่วมฉับพลัน





ad1

เมื่อวันที่ 16  กันยายน 2566  ที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) โครงการชลประทานศรีสะเกษ  นายจำรัส  สวนจันทร์  ผู้อำนวยการโครงการชลประทานศรีสะเกษ ได้ให้สัมภาษณ์สถานการณ์น้ำจังหวัดศรีสะเกษ พบว่าในภาพรวมของจังหวัดสถานการณ์น้ำยังไม่น่าเป็นห่วงในด้านอุทกภัยของราษฎร  เนื่องจากอ่างเก็บน้ำ และลุ่มน้ำต่างๆในจังหวัดศรีสะเกษยังปกติ  และเมื่อเทียบกับปี 2565  (มีปริมาณน้ำน้อยกว่า) ยกเว้นลำน้ำห้วยทับทัน  ซึ่งมีต้นน้ำมาจากจังหวัดสุรินทร์  มีปริมาณน้ำค่อนข้างสูง  จึงขอแจ้งเตือนราษฎรทั้งสองฝั่งลำห้วยทับทันให้เตรียมระวังและอาจมีน้ำท่วมฉับพลันและทำให้เกิดความเสียหายได้

จำรัส  สวนจันทร์  ผู้อำนวยการโครงการชลประทานศรีสะเกษ

ทั้งนี้โครงการชลประทานศรีสะเกษได้วิเคราะห์ปริมาณน้ำฝน  ปริมาณน้ำท่า(อ่างเก็บน้ำ  เขื่อน และ ลุ่มน้ำ)ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. การวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝน  
จังหวัดศรีสะเกษมีฝนตกเฉลี่ยในรอบ 30 ปี  จำนวน  1,445.80 มิลลิเมตร  ฝนจะเริ่มตกช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน และสิ้นสุดช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน  ปริมาณฝนที่ตกมากที่สุดคือเดือนกันยายน  จะตกเฉลี่ย 278.20 มิลลิเมตร  ในปี 2566  มีฝนตกมาแล้ว จำนวน1,255.10 มิลลิเมตรโดยเดือนกันยายนมีฝนตกจำนวน 192.20 มิลลิเมตร  
ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในปี 2566 อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยหรืออาจจะสูงเล็กน้อยประมาณ 1,500-1,600 มิลลิเมตร  

2 การวิเคราะห์ปริมาณน้ำท่า
2.1 อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 16 แห่ง   
จังหวัดศรีสะเกษมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลางจำนวน 16 แห่ง ปัจจุบันมีน้ำเกิน 100% จำนวน 9 แห่งอยู่ระหว่าง 90 ถึง 99% จำนวน 4 แห่งและน้อยกว่า 80 % จำนวน 3 แห่ง  ซึ่งอ่างเก็บน้ำทั้ง 16 แห่งนั้นเก็บกักได้ 208.34 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันเก็บกักได้ 192.96   ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 92.62%  (ต่ำกว่าปี 2565 ซึ่งวันนี้จะมีน้ำจำนวน 213.27 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 102.36%)

ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าอ่างเก็บน้ำต่างๆ  ทั้ง 16 แห่ง จะมีปริมาณน้ำอยู่ที่ระดับเก็บกัก 100% หลังจากผ่านฤดูฝนปีนี้  ทั้งนี้โครงการชลประทานศรีสะเกษได้เพิ่มการเก็บกักน้ำ เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงปี 2567 ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องภัยแล้งโดยการเสริมกระสอบทรายบริเวณสปินเวย์ของอ่างเก็บน้ำทุกแห่ง เพื่อเพิ่มการเก็บน้ำ 20 ล้าน ลบ.ม 

2. เขื่อนระบายน้ำจำนวน 2 แห่ง 
จังหวัดศรีสะเกษมีเขื่อนขนาดใหญ่จำนวน  2  แห่ง  คือ  เขื้อนราษีไศลและเขื่อนหัวนา  ปัจจุบันเขื่อนราษีไศลเก็บกักน้ำได้ 67% เขื่อนหัวนาเก็บกักน้ำได้ 123%  ในภาพรวมเขื่อนทั้ง 2 แห่ง เก็บกักน้ำได้ทั้งหมด 139.44 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันเก็บกักได้ 130  ล้าน  ลบ.ม. คิดเป็น 93%
3. การวิเคราะห์ลุ่มน้ำต่างๆ  ได้แก่  
3.1 ลุ่มน้ำมูล  จากการวิเคราะห์จุดตรวจวัด M ต่างๆของลุ่มน้ำมูลระหว่างจังหวัดบุรีรัมย์  สุรินทร์   ศรีสะเกษ  และ อุบลราชธานี มีรายละเอียดดังนี้

M 6A ( อ.สตึก  จ.บุรีรัมย์) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน/ ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด  132.60/440 ลบ.ม./วินาที
M4 (อ.ท่าตูม  จ.สุรินทร์) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน / ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด  262.50/550 ลบ.ม./วินาทร
M 5 ( อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษหน่อย 458.9) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน/ ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด  458.60/965 ลบ.ม./วินาที
M182(อ.กันทรารมย์  จ.ศรีสะเกษ) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน / ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด  692.20/1,540 ลบ.ม./วินาที
M 7( อ.เมือง จ.อุบลราชธานี) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน/ ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด 1,880/2,300 ลบ.ม./วินาที

จากการวิเคราะห์ประมาณน้ำในลำน้ำมูลพบว่ายังสามารถรองรับน้ำได้อีกมาก ระหว่างจังหวัดบุรีรัมย์  สุรินทร์และศรีสะเกษ(อัตราการระบายเมื่อเทียบกับอัตราการระบายน้ำสูงสุด จะน้อยไปมาก ตามลำดับ)  ยกเว้นที่  M7  อ.เมือง  จ.อุบลราชธานี  ซึ่งมีปริมาณน้ำใกล้เคียงอัตราการระบายน้ำสูงสุด ซึ่งควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

3.2 ลุ่มน้ำในจังหวัดศรีสะเกษ  จากการวิเคราะห์จุดตรวจวัดต่างๆมีละเอียดดังนี้

ลำห้วยสำราญ M9 (อ.เมืองศรีสะเกษ) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน / ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด  46.40/200 ลบ.ม./วินาที
ลำห้วยขยูง M176 (อ.กันทรารมย์) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน/ ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด  96.90/235 ลบ.ม./วินาที
ลำห้วยทับทัน M42 (อ.ห้วยทับทัน) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน / ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด  120.50 / 110 ลบ.ม./วินาที
จากการวิเคราะห์ลุ่มน้ำในจังหวัดศรีสะเกษพบว่ามีเพียงแค่ลำห้วยทับทัน M42 เท่านั้นที่ปริมาณน้ำไหลผ่านมากกว่าปริมาณน้ำสูงสุดที่ลำห้วยจะรองรับได้ เป็นเหตุอาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันกับราษฎรที่อาศัยริมตลิ่งทั้งสองด้านได้  จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

ทั้งนี้โครงการชลประทานศรีสะเกษได้วิเคราะห์สถานการณ์ของลุ่มน้ำชี อีกด้วย  เนื่องจากอาจมีผลกระทบกับกลุ่มน้ำมูล ได้แก่ E91(มหาสารคาม) E66A(ร้อยเอ็ด) E18(ร้อยเอ็ด)  E2A(ยโสธร)  และ E98  (อุบลราชธานี) พบว่า อัตราการระบายน้ำในลุ่มน้ำชีเมื่อเทียบกับอัตราการระบายน้ำสูงสุดจะน้อยไปมากเช่นเดียวกับลุ่มน้ำมูล  โดยเฉพาะ E2A(ยโสธร)และ E98(อุบลราชธานี)ซึ่งอยู่ปลายน้ำก่อนที่จะบรรจบแม่น้ำมูลที่จังหวัดอุบลราชธานี  ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจมีผลกระทบกับจังหวัดศรีสะเกษในอนาคต  หากมีฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนกันยายนเหมือนปี 2565 ที่ผ่านมาจากพายุดีเปรสชัน"โนรู" ทำให้ฝนตกหนักในจังหวัดศรีสะเกษในวันที่ 28  กันยายน 2565  ทำให้มีการระบายน้ำไม่ทันและในช่วงดังกล่าวระดับน้ำในแม่น้ำมูลค่อนข้างสูง  ทำให้ราษฎรได้รับผลกระทบและได้รับเสียหายเป็นจำนวนมาก

เสนาะ วรรักษ์/รายงาน