"ดีเอสไอ"บุกทลายคลินิกอุ้มบุญ 3 แห้วรวบนายหน้า ให้ 3 ล้าน ล่อใจ "หมอ-ผู้หญิง"

"ดีเอสไอ"บุกทลายคลินิกอุ้มบุญ 3 แห้วรวบนายหน้า ให้ 3 ล้าน ล่อใจ "หมอ-ผู้หญิง"





ad1

DSI บุกค้นสถานพยาบาล 3 จับขบวนการลักลอบจัดหาหญิงไทยเพื่อรับจ้างตั้งครรภ์แทน (อุ้มบุญ) ให้ 3 ล้านล่อใจ"หมอ-ผู้หญิง" ก่อนส่งเด็กออกนอกประเทศ

จาหกรณีพี่เลี้ยงเด็กอุ้มบุญเพศชายวัย 9 เดือน เข้าร้องทุกข์เจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2564 สงสัยว่าเด็กที่ตัวเองรับจ้างดูแลเกิดจากขบวนการอุ้มบุญค้าเด็กข้ามชาติ สบส.รับเด็กไว้ดูแล และประสานเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าตรวจสอบ รับเป็นคดีเศษตั้งแต่นั้น ส่งชุดสืบสวนเข้าหาข้อมูลเครือข่ายร่วมขบวนการมาตลอด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2566 พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้นายอัษฎาวุธ ศรีปิตา ผู้ช่วยโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศแถลงข่าวความคืบหน้าในการดำเนินคดีพิเศษที่ 236/2565 กรณีขบวน การลักลอบจัดหาหญิงไทยไปรับจ้างตั้งครรภ์แทน (อุ้มบุญ) ให้ผู้ว่าจ้างชาวต่างชาติลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใน จ.หนองคาย และกรุงเทพมหานค

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2566 กรมสอบสวนคดีพิเศษภายใต้การอำนวยการของ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมอบหมาย ให้ ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผอ.กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ และน.ส.กนกลดา เจริญศิริ รักษาการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ นำคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 236/2565 สนธิกำลังร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขเข้าตรวจค้นรวบรวมพยานหลักฐานสถานพยาบาลจำนวน 3 แห่ง ตามหมายค้นศาลอาญาที่ 995-997/2566 ลงวันที่ 22 ส.ค.

จุดแรกสถานพยาบาลย่านถนนงามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นายแพทย์ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ และเป็นแพทย์ประจำศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากในสถานพยาบาลดังกล่าว ดำเนินการตรวจร่างกายหญิงสาวที่รับอุ้มบุญ ทั้งช่วงการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์และรับฝากครรภ์

นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่คลอดบุตรแก่หญิงอุ้มบุญผิดกฎหมาย ระหว่างปี 2561-2563 ผลการตรวจค้นพบประวัติหญิงอุ้มบุญผิดกฎหมายหลายราย จุดที่ 2 สถานพยาบาลย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า สถานพยาบาลแห่งนี้มีแพทย์ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องในคดีคนเดียวกันเข้าทำงานนอกเวลา (Part time) ในสถานพยาบาลดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเอกสารข้อมูลการเก็บไข่และตัวอ่อนในการดูแลของแพทย์ต้องสงสัยผู้ให้บริการในคดี

และจุดที่ 3 สถานพยาบาลย่านถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบความเชื่อมโยงกับนายแพทย์ที่เกี่ยวข้องในคดี และมีหญิงอุ้มบุญมาตรวจร่างกายก่อนไปฉีดตัวอ่อนที่ต่างประเทศ ผลการตรวจค้นพบหนังสือเดินทางของหญิงอุ้มบุญและเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญ ที่สำคัญยังไม่ได้รับอนุญาตรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนดีเอสไออยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน พิจารณาขออำนาจศาลออกหมายจับนายแพทย์คนดังกล่าว และผู้ร่วมขบวนการอีกหลายรายที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาวันที่ 28 ส.ค. 2566 ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผอ.กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและหาข่าว สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธรจังหวัดหนองคาย (นปพ.ภ.จ.หนองคาย) จับกุมนายสุเนตร จอมศรี อายุ 60 ปี ผู้ต้องหา

ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2643/2566 ข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า นำหมายค้นศาลจังหวัดหนองคายที่ ค.106/2566 เข้าตรวจค้นบ้านนายสุเนตรในพื้นที่ จ.หนองคาย พบบัญชีรายชื่อผู้หญิงที่รับจ้างอุ้มบุญผิดกฎหมาย และบัญชีรายได้จากการเป็นนายหน้าจัดหาหญิงมาอุ้มบุญ ทางการสืบสวนพบว่า นายสุเนตรเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของขบวนการจ้างอุ้มบุญข้ามชาติ มีหน้าที่จัดหาหญิงสาวชาวไทยมารับจ้างอุ้มบุญให้ชาวต่างชาติ จนมีทรัพย์สินเป็นที่ดินกว่า 100 ไร่

สำหรับ ขบวนการอุ้มบุญเถื่อนข้ามชาติแก๊งนี้ จ่ายเงินเป็นค่าจ้างให้กระบวนการผลิตทารกทั้งหมด ทั้งแพทย์ พยาบาล หญิงผู้รับอุ้มบุญ และคนเลี้ยงเด็ก ตกคนละ 3 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของแพทย์ที่ดูแลตั้งแต่เตรียมตัวหญิงอุ้มบุญ ไข่ น้ำเชื้อ ดูแลจนเด็กปฏิสนธิคลอดออกมาได้ค่าจ้างประมาณ 2.5 ล้านบาทต่อเด็ก 1 คน ส่วนหญิงผู้รับอุ้มบุญขบวนการนี้จะจ่ายเงินล่อใจให้เฉลี่ยคนละ 5 แสนบาท แต่ขึ้นอยู่กับหญิงสาวที่มารับอุ้มบุญด้วยว่า รูปร่างหน้าตาดีหรือไม่ ถ้าหน้าตาดีอาจจะได้ค่าจ้างมากกว่า 5 แสนบาทก็ได้ อยู่ที่การตกลงกัน

การอุ้มบุญสามารถทำได้ หากได้รับอนุญาตตามขั้นตอนกฎหมาย แต่มีเงื่อนไขเพื่อคนที่มีบุตรยากตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 แต่ห้ามไม่ให้ดำเนินการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า หากฝ่าฝืนทั้งตัวคนจ้าง นายหน้า นายแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ หญิงอุ้มบุญและผู้เกี่ยวข้องในขบวนการ มีความผิดอาญาและต้องรับผิดตามกฎหมาย ปัญหาการอุ้มบุญผิดกฎหมายก่อให้เกิดปัญหาสังคมหลายอย่างตามมา ทั้งการเป็นตลาดการค้ามนุษย์ ปลายทางของเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญอาจถูกนำไปค้าอวัยวะ ค้าประเวณี หรืออุตสาหกรรมทางเพศ หลายกรณีเด็กเกิดมาบกพร่องทางร่างกายจะถูกทอดทิ้งอย่างไร้มนุษยธรรม ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่กระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง