กองปราบรวบขบวนการเกล็ดตัวลิ่นข้ามชาติยึดของกลาง 1,400 กก. มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

กองปราบรวบขบวนการเกล็ดตัวลิ่นข้ามชาติยึดของกลาง 1,400 กก. มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท





ad1

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาดังนี้
1. นาย ธนากร  (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี
2. นาย รุ่ง  (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี
 พร้อมของกลางที่ตรวจยึดได้ดังนี้
1. เกล็ดลิ่นหรือนิ่ม จำนวน 42 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 1,400 กิโลกรัม
2. รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน 71-9569 สงขลา

โดยกล่าวหาว่า “ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 สถานที่ทำการจับกุม บริเวณริมถนน ทล.2046 กม.50-51 ตำบลสมสะอาด อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

พฤติการณ์ ด้วยตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ว่าปัจจุบันมีการการลักลอบค้าสัตว์โดยผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้นและมีรูปแบบเป็นขบวนการ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เล็งเห็นความสำคัญให้มีการป้องปรามการกระทำความผิดดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง ทำการสืบสวนเพื่อทำการจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าว จากนั้น กองกำกับการ 3, 5 และ 6 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยประสานการปฏิบัติกับ หน่วยงาน U.S. Fish and Wildlife Service (องค์การบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐภายในกระทรวงมหาดไทยสหรัฐ) ได้ร่วมกันทำการสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายมีพฤติกรรมลักลอบค้าเกล็ดตัวลิ่น หรือตัวนิ่ม โดยมีการลำเลียงจากทางพื้นที่ภาคใต้แล้วมีการขนส่งไปยังพื้นที่ชายแดนไทยภาคตะวันออเฉียงเหนือ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สามและล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 3, 5 และ 6 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำการสืบสวนว่ามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายมีการใช้รถยนต์ทำการลำเลียงขนเกล็ดตัวลิ่นผ่านพื้นที่ภาคกลาง ไปยังพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงได้ทำการประสานการปฏิบัติไปยัง เจ้าหน้าที่ สถานที่ตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง และ กองกำกับการการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เข้าทำการสกัด จนสามารถทำการจับกุมคนร้ายได้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 20.30 น.

จากการตรวจสอบพบ เกล็ดตัวลิ่นบรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย จำนวน 42 ถุง ประมาณน้ำหนักรวม 1,400 กิโลกรัม โดยมีกระสอบบรรจุดินสำหรับปลูกพืชปิดทับอำพรางไว้ ซึ่งนายธนากรฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การว่า ได้รับค่าจ้าง 7,000 บาทต่อเที่ยว  มีหน้าที่ช่วยกันขับรถมาส่งสินค้า นายรุ่งฯ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นเจ้าของรถโดยได้ค่าจ้าง 20,000 บาทต่อเที่ยว โดยรับสินค้าดังกล่าวมาจากถนนบริเวณริมถนนในจังหวัดราชบุรี เพื่อนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มผู้ว่าจ้างรอรับที่จังหวัดมุกดาหาร ลักษณะการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งถือว่าเป็นขบวนการค้าเกล็ดนิ่มรายใหญ่ในพื้นที่ประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป         
ประเมินมูลค่าความเสียหาย เกล็ดตัวลิ่น หากสามารถส่งออกต่อไปยังประเทศที่สาม ราคาจะสูงขึ้นไปหลายเท่าตัว เบื้องต้นราคากิโลกรัมละ 40,000 บาท มูลค่าความเสียหายในการจับกุมครั้งนี้ประมาณ 50 ล้านบาท

ทั้งนี้เกล็ดลิ่มเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทยและเป็นสัตว์ป่าในบัญชี 1 ตามอนุสัญญาไซเตส (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ( The Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora.. (CITES) ) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อนุสัญญาวอชิงตัน ( Washington Convention ) ประเทศไทยเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 โดยลงนามรับรอง อนุสัญญาในปี 2518 และให้สัตยาบันในวันที่ 21 มกราคม 2526 ซึ่งลิ่นหรือนิ่มพันธุ์มลายู Manis javanica เป็นสัตว์ป่าในบัญชีหมายเลข 1 โดยประเทศที่อยู่ในภาคีต้องอนุวัตตามอนุสัญญาดังกล่าว ห้ามส่งออก นำเข้า หรือครอบครอง เว้นแต่ เป็นกรณีศึกษาวิจัย คดีนี้พบของกลางเป็นเกล็ดลิ่ม จำนวนมากน่าจะเป็นเกล็ดลิ่นหลายพันตัวถูกล่า นำมาเป็นอาหารและนำเกล็ดไปเป็นส่วนประกอบของยาในบางประเทศ อันมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ เป็นอย่างมาก