DSI เร่งขยายผลกลุ่มบิ๊กนายทุนอยู่เบื้องหลังลอบจรหมูเถื่อน 161 ตู้ ยันไม่พบนักการเมืองเอี่ยว

DSI เร่งขยายผลกลุ่มบิ๊กนายทุนอยู่เบื้องหลังลอบจรหมูเถื่อน 161 ตู้ ยันไม่พบนักการเมืองเอี่ยว





ad1

ดีเอสไอ เร่งขยายผลกลุ่มบิ๊กนายทุน 4-5 บริษัท เบื้องหลังขบวนการหมูเถื่อน 161 ตู้ แง้มอยู่ระหว่างรอเอกสารจาก 17 สายเรือ หากครบถ้วนเตรียมออกหมายเรียกพยานสอบ ยืนยันยังไม่พบนักการเมืองเอี่ยว ชี้ หากผู้ใดมีเบาะแสแจ้งมาได้

จากกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นคดีพิเศษที่ 59/2566 และตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุเนื้อสุกรแช่แข็ง 161 ตู้ เสร็จสิ้นแล้ว โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนที่กรมปศุสัตว์จะนำเนื้อสุกรแช่แข็งดังกล่าวไปทำลายตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ขณะที่ดีเอสไอเร่งสืบสวนสอบสวนพบพฤติการณ์ว่าขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) ดังกล่าวมีรูปแบบการกระทำความผิดเริ่มจากบริษัทผู้นำเข้าจะสั่งของจากต่างประเทศ โดยมีเรือรับขนจากต่างประเทศเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง และมีการหลบเลี่ยงการสำแดงสินค้า อ้างว่าเป็นสินค้าแช่แข็งชนิดอื่นๆ จากนั้นจะมีห้องเย็นมารับสินค้า แล้วกระจายไปยังกลุ่มผู้ค้าคนกลาง นำไปจำหน่ายให้กับรายย่อยผ่านช่องทางโชเซียล เช่น กลุ่ม Facebook เป็นต้น

ทั้งนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนสอบสวนขยายผลไปถึงการจับกุมห้องเย็นที่ตรวจพบซากสุกรลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร นครปฐม สมุทรปราการ เพื่อหาความเชื่อมโยงของเครือข่ายขบวนการดังกล่าว ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุดเมื่อ วันที่ 23 ก.ค. 2566 พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหมูเถื่อน กล่าวว่า สำหรับกรณีเรื่องมีการพบกลุ่มนายทุนประมาณ 2-3 รายเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งนั้น ข้อเท็จจริงต้องเรียนให้ทราบว่าในจำนวนตู้คอนเทเนอร์ทั้ง 161 ตู้ มีบริษัทนำเข้าสินค้าที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 11 แห่ง ในจำนวนนี้จะมี 4-5 บริษัทขนาดใหญ่ที่รับหน้าที่นำเข้าอาหารแช่เเข็ง (Frozen Food) หรือพูดภาษาบ้านๆ คือ ขาใหญ่ในวงการนำเข้าสินค้าอาหารแช่เเข็ง

หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหมูเถื่อน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามยืนยันว่านายทุน 4-5 รายนี้ไม่ใช่กลุ่มนักการเมือง ส่วนพฤติการณ์ที่ดีเอสไอพบ คือ บริษัทเหล่านี้มีการนำเข้าสินค้าแช่เเข็งบ่อยครั้งที่ผ่านมาอาจจะมีหลุดรอดไปหลายส่วนบ้างแล้ว จนเหลือเพียง 161 ตู้ที่เจ้าหน้าที่ติดตามพบ อีกทั้งจากข้อมูลที่ระบุว่ามีการนำเข้าสินค้าแช่แข็งจำนวนมากนั้น บางรายการก็สำแดงเป็นอาหารแช่แข็งประเภทเนื้อปลา เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ดังนั้นสินค้าเหล่านี้จะผ่านเข้าช่องสินค้ายกเว้นการตรวจ หรือ GREEN LINE

"บริษัทขนาดใหญ่ 4-5 แห่งนี้เกี่ยวข้องกับขบวนการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน เพราะมีพฤติการณ์นำเข้าจำนวนมาก และในห้วงสัปดาห์หน้าคณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุม เพื่อมีมาตรการเข้มข้นในการดำเนินการกับบริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบริษัทของไทย และมีแหล่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล" พ.ต.ต.ณฐพล ระบุ

หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหมูเถื่อน กล่าวอีกว่า นอกจากขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนแล้ว เรายังพบว่ามีขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อวัวในพื้นที่ภาคใต้อีกด้วย เบื้องต้นพบว่าเป็นการนำเข้าในลักษณะกองทัพมดผ่านห้องเย็น บรรจุในกล่องเหมือนที่ท่าเรือแหลมฉบัง และนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการพบโดยสามหน่วยงาน ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร และดีเอสไอ (ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้) ส่วนจำนวนปริมาณเนื้อวัวที่มีการลักลอบนำเข้านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์ และยังได้รับรายงานว่าทางกรมศุลกากรอาจจะมีการตรวจยึดไปบ้างแล้ว