“อานนท์” ส่งสัญญาณ “พิธา” โดนสอย มวลชนลงถนนเป็นล้าน

“อานนท์” ส่งสัญญาณ “พิธา” โดนสอย มวลชนลงถนนเป็นล้าน





ad1

สืบเนื่องจากกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีมติ ไม่รับคำร้อง กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ปมถือหุ้นสื่อไอทีวี 42,000 หุ้น แต่สั่งให้ดำเนินการไต่ส่วนเรื่องดังกล่าวเนื่องจากคำร้องมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนว่า นายพิธาเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.66 นายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและแกนนำราษฎร แสดงความเห็นว่า การที่กกต. นำเรื่องมาสอบเอง โดยปัดตกคำร้องของผู้ร้องต่างๆ เป็นการยืดเวลาออกไป คือต่อไปนี้หากนายพิธา ได้เข้าสภาฯจริง จะมีชนักติดหลัง ซึ่งมีโทษทั้งเรื่องจำคุก และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ต่อให้นายพิธา เข้าสภาได้ ก็ต้องระวังชนักที่ติดหลังอยู่ ว่ากกต.จะเล่นงานเมื่อไรก็ได้ อย่างไรก็ตาม เขาคงรอให้กระแสมันต่ำ คงใช้กฎหมายเป็นนิติสงครามเล่นงานนายพิธา แต่เชื่อว่า กระแสไม่ต่ำ เพราะคนตามลุ้นคะเเนนเสียงของตัวเองอยู่ โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า คนที่เลือกนายพิธา มีอยู่ทั่วประเทศ ทั้งต่างจังหวัด และโดยเฉพาะในกทม.เป็นส้ม ปริมณฑลอย่างนนทบุรี ก็ส้ม หากชนชั้นนำไทยจะใช้เกมเดิมประชาชนเขาไม่ยอม ไม่จำเป็นต้องมีม็อบที่มีแกนนำ แต่มันจะเป็นไปเองโดยเป็นการออกมาเรียกร้องโดยธรรมชาติ ทางรัฐบาลปัจจุบัน และคนที่ดูเรื่องความมั่นคง คงตระหนักว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการลงถนนชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้มันปฏิบัติตามกติกา คือส่งพรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้ตั้งรัฐบาล ก็อยู่ที่การพูดคุยกัน โดยท่าทีของส.ว.ต่างๆดีขึ้น แต่การแสดงออกของประชาชนนอกสภาฯ ทั้งในโซเชียล และที่พร้อมที่จะลงถนน ไปช่วยกันให้กำลังใจในวันที่จะมีการโหวตนายกฯ มันจะเป็นแรงผลักให้ ส.ว. ตระหนักถึงเสียงประชาชน เรื่องการชุมนุมในวันโหวตนายกฯ ไม่ต้องมีใครนัด คือทุกคนก็รู้ว่าต้องไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว คือถ้าส.ว.โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ ก็คงฉลองกัน แต่ถ้าไม่โหวต ก็คงมีการประท้วง คงมีการคาดหมายได้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น

แต่เชื่อว่ารัฐเอง ไม่อยากให้มันถึงจุดที่การชุมนุมมันออกมากันเป็น แสนเป็นล้านคน การพูดคุยกันตอนนี้สำคัญที่สุดและพยายามอย่านำสังคมเข้าไป สู่บรรยากาศที่มันอึมครึม ที่สุ่มเสี่ยงจะใช้ความรุนแรงต่อกัน ดังนั้น การปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ก็คือพรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศนี่คือสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น

“ตอนนี้หลายคนบอกว่า ถ้าลงถนนปุ๊บ ทหาร ตำรวจก็อาจจะออกมาปราบม็อบ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้คนที่มันจะลงถนนคือคนชั้นกลาง นักศึกษา นักเรียน คือคนจำนวนมากทั้งชาวบ้านเอง ก็จะมาแจมด้วย คนมันมากเกินกว่าที่รัฐจะจัดการด้วยวิธีความรุนแรงได้ แต่การแสดงออกมันต้องยึดแนวทางสันติวิธีซึ่งหลายคนก็ประเมินว่า ถ้ารัฐออกมาแล้วมีความรุนแรง ทหารจะออกมา แต่ตนคิดว่าความชอบธรรมที่ทหารจะออกมามันไม่มีเลย วันนี้ต่างชาติโดยเฉพาะชาติที่เป็นอียู สหรัฐอเมริกา หรือชาติเป็นประชาธิปไตย ไม่โอเคกับการรัฐประหาร แล้วคนที่จะออกมาครั้งนี้มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”