‘พรรคภาคีเครือข่ายไทย’ชูนโยบายสร้างหวังคนวงการ ปลดทุกข์/เพิ่มสุข/แก้ปัญหาธุรกิจเครือข่าย-ออนไลน์

‘พรรคภาคีเครือข่ายไทย’ชูนโยบายสร้างหวังคนวงการ ปลดทุกข์/เพิ่มสุข/แก้ปัญหาธุรกิจเครือข่าย-ออนไลน์





ad1

“พรรคภาคีเครือข่ายไทย” ได้ฤกษ์เปิดแถลงนโยบาย หัวหน้าพรรคหญิง“กฤษอนงค์  สุวรรณวงศ์” ผู้กล้าท้าชนปัญหาวงการธุรกิจเครือข่ายและออนไลน์ นำทัพผู้สมัคร ส.ส.ลงเลือกตั้ง ชูนโยบายสร้างความหวังให้คนวงการ ด้วยภารกิจ “ปลดทุกข์/เพิ่มสุข/แก้ไขปัญหา ธุรกิจเครือข่ายและออนไลน์” โชว์ 2 ผลงานที่ทำเพื่อวงการมาก่อนหน้านี้ “ดัน DSI รับคดีพิเศษ คริปโตปลอม ” - “ชัยชนะการช่วยเหลือนักธุรกิจอิสระจากการถูกตัดรหัส”สำเร็จ

พรรคภาคีเครือข่ายไทยได้ฤกษ์ เปิดแถลงนโยบายพรรค ก่อนที่จะขนผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในวันที่ 3 เมายน 2566 (ได้เบอร์ปาร์ตี้ลิสหมายเลข 19) เพียงหนึ่งวัน  เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2566 ณ โรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต นำการแถลงข่าวโดยนางสาวกฤษอนงค์  สุวรรณวงศ์ หัวหน้าพรรคหญิง ผู้ที่คล่ำหวอดในวงการธุรกิจเครือข่ายและออนไลน์ ผู้ที่สร้างผลงานให้กับสังคมคนวงการนี้มานาน ซึ่งการแถลงได้ชูหัวข้อใหญ่ 3 เรื่อง คือ 1.นโยบาย พรรคการเมือง 2.การผลักดันให้ DSI รับคดี คริปโตปลอม 3.รับชัยชนะจากการถูกฟ้องจากบริษัทที่ตัดรหัสนักธุรกิจอิสระ

ทั้งนี้ เรื่องที่ 1.นโยบายพรรค นางสาวกฤษอนงค์  สุวรรณวงศ์ กล่าวว่า นโยบาย พรรคการเมือง = ห้องน้ำสาธารณะ มีหน้าที่หลัก ปลดทุกข์ให้ประชาชน ปวดขรี้ !!! ( ทุกข์ออนไลน์) ให้คิดถึงพรรคภาคีเครือข่ายไทย ซึ่งนโยบายนั้นก็เท่ากับเป้าหมาย เป้าหมายเท่ากับนโยบาย โดยพรรคการเมืองเปรียบเหมือนห้องน้ำ ที่คอยปลดทุกข์รับทุกข์ของประชาชน เพื่อไปแก้ไข ทุกข์ส่วนตัวประชาชนแก้ปัญหาเองได้ แต่ทางโครงสร้างของการบริหารประเทศเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะเป็นตัวแทนในการเข้าไปแก้ปัญหา อยู่ด้านในความทุกข์มีหลายรูปแบบเปรียบเสมือนกับคุณหมอรักษาโรค มีแค่เฉพาะทางในความ ถนัด แก้โครงสร้างใหญ่แก้โครงสร้างย่อย เป็นความสามารถเฉพาะทาง

“วันนี้พรรคภาคีเครือข่ายไทย อยู่กับปัญหาเครือข่ายและออนไลน์มายาวนาน ด้วยประสบการณ์ตรง จึงรู้ปัญหาและสามารถแก้ปัญหา ด้วยเครื่องมือที่ใหญ่ที่สุดคือโครงสร้างทางการเมืองเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ปลดทุกข์ / เพิ่มสุข / ส่งเสริม ซึ่งการปลดทุกข์ เครือข่าย ออนไลน์ ได้เปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์ จากประชาชนที่ถูกหลอกถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม จากเครือข่ายและออนไลน์ ด้วยการแก้ไข ส่งเสริม เพิ่มเติม ผลักดัน พัฒนา ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ส่วนการเพิ่มสุขนั้น จะทำภารกิจสร้างรายได้จากระบบออนไลน์ จากความถนัดของคนในครอบครัว มีรายได้ อย่างน้อย ต่อครอบครัว วันละ 1,000 บาท / เดือนละ 30,000 บาท ภายใต้เป้าหมาย ตำบลละ 1 ครอบครัว สำหรับการส่งเสริมนั้น คือภารกิจทำให้คนทำดี ให้ฝากลงบันทึกความดี แม้เล็กๆ น้อยๆ หรือเห็นผู้อื่นทำความดีแล้วชื่นชม ฝากไว้ในระบบ...เปิดให้มีสปอนเซอร์ให้รางวัลผู้ทำความดี / มี KYC ตรวจตัวตน Shopping การทำบุญ+CSR ได้ตรงตามเป้าหมาย “คนทำดีมีกำลังใจ” หัวหน้าพรรคภาคีเครือข่ายไทยกล่าว

สำหรับเรื่องที่ 2 และเรื่องที่ 3 เป็นเรื่องที่ ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเป็นภารกิจที่ทำตามนโยบายพรรค คือเรื่อง (เรื่องที่ 2) การผลักดันให้ DSI รับคดี คริปโตปลอม ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ เป็นคดีของบริษัท AIMC ที่สร้างความเสียหายพันล้านบาท โดยมีผู้เสียหายได้เข้าไปร่วมลงทุนเทรดเงินตราจำนวนมาก ปรากฎว่าแพลตฟอร์มการเทรดเงินนั้นเป็นแพลตฟอร์มปลอม ซึ่งก็คือการหลอกลวงนั้นเอง ผู้เสียหายจึงได้เข้ามาร่วมกันในเส้นทางการต่อสู้ เพื่อเป้าหมาย คนทำผิดต้องได้รับโทษ ผู้เสียหายได้เงินคืนคนทำผิดต้องได้รับโทษ และ ต้องเกิดมาตรการการป้องกัน 

“การเรียกคืนสิทธินี้ คือการโยน ลูกบอล ประหนึ่งปัญหา ให้กับหน่วยงานรัฐ ได้หันมาดูแลและช่วยเหลืออย่างจริงจัง ผ่านตัวแทน ซึ่งวันนี้พรรคพรรคภาคีเครือข่ายไทยเสนอตน เพื่อช่วยเหลือเรื่องนี้มากว่า 19 ปี ตระหนักรู้เรื่องนี้ จึงรับเรื่องนี้ จากผู้เสียหาย และพร้อมที่จะส่งต่อ เร่งรัด ให้หน่วยงานรัฐ ดำเนินการช่วยเหลือให้เสร็จสิ้น ในขั้นตอนของการออกมาดำเนินคดีและเรียกทรัพย์เฉลี่ยคืน รวมถึงเป็นการทำคดีเป็นต้นแบบ ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นกับการแจ้งความ และเกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ต่อไป”หัวหน้าพรรคภาคีเครือข่ายไทยกล่าว

ทั้งนี้ตัวแทนผู้เสียหายมากกว่า 100 คนได้มาติดตาม คดีที่ DSI รับเป็นคดีพิเศษ ที่ 15/2566 เพื่อสอบถามการดำเนินการว่าถึงขั้นตอนใด เนื่องจากยังไม่มีการแถลงคดีให้ประชาชนได้ทราบ ทางภาคีเครือข่ายไทยจึงรับเรื่องดังกล่าวมาและจะประสานกับ DSI ต่อไป ภายในสัปดาห์หน้านี้

ส่วนเรื่องการรับชัยชนะจากการถูกฟ้องจากบริษัทที่ตัดรหัสนักธุรกิจอิสระ(เรื่องที่ 3.) คือเรื่อง การถูกฟ้องหมิ่นประมาท ศาลได้ยกฟ้อง จึงถือว่าเป็นการยกชัยชนะให้กับอาชีพนักธุรกิจอิสระ16 ล้านคน  ซึ่งนางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ได้กล่าวถึงเรื่องของการหมิ่นประมาทว่า  เป็นเรื่องที่ตนเคยถูกปิดปากจากกลุ่มทุนที่เสียผลประโยชน์ จากการเคลื่อนไหวในประเด็นบริษัทขายตรงตัดรหัสสมาชิก แต่หลักฎหมายนั้นให้สิทธิในการเรียกร้องสิทธิและเรียกร้องความเป็นธรรมดังกล่าว

“กฎหมายให้สิทธิ์เรา หากเราทำเพื่อปกป้องตนเอง หรือ ประโยชน์สาธารณะ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 และมาตรา 330 ซึ่งมีตัวอย่างนัยตามคำพิพากษาของศาลฎีกาหลายคดี  ดังนั้นการพูดหรือกล่าวถึงกลุ่มทุน หรือ บุคคลใด เพื่อเรียกร้องสิทธิ หรือเรียกร้องความเป็นธรรม หรือกระทำการใด ๆ ในลักษณะดังกล่าวไม่เป็นความผิด ยกตัวอย่างที่ข้าพเจ้า ฯ ได้ถูก บริษัทมหาชน ฟ้องในกรณีดังกล่าว ศาลก็ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง  อันเป็นตัวอย่างและเป็นโอกาสสำหรับผู้เสียหายที่จะใช้สิทธิเรียกร้อง หากไม่ได้รับความเป็นธรรมในรูปแบบต่าง ๆ จากกลุ่มทุน หรือ นายทุน ที่จ้องจะเอารัดเอาเปรียบ  การถูกฟ้องคดีหมิ่นประมาทหรือถูกกลุ่มทุนขู่ว่าจะดำเนินการใด ๆ ในลักษณะดังกล่าวไม่น่ากลัวเราต้องใช้สิทธิสู้คดี เพื่อทำให้ กลุ่มทุนหรือนายทุนรู้ว่าการกระทำของเขาเหล่านั้นเป็น กระทำที่ไม่ถูกต้อง และต้องชดใช้ในการกระทำใด ๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคเสียหาย

 ซึ่งเราพร้อมที่จะให้คำปรึกษาจากประสบการณ์ตรง  และพร้อมที่จะสู้คดีร่วมกับท่าน เรามีสิทธิ์ที่จะฟ้องกลับแก่บุคคลเหล่านั้นด้วย ซึ่งกฎหมายมีอัตราโทษสูงกว่า หมิ่นประมาท และสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้  เราจะฟ้องบริษัทฯ เพื่อเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 16 ล้านบาท คำนวนจากผู้ทำธุรกิจขายตรง 16 ล้านคน  เพื่อเป็นตัวอย่าง เราทำแล้วท่านพร้อมที่จะทำแล้วหรือยัง  อย่าปล่อยให้กลุ่มทุนเอาเปรียบเรา ลุกขึ้นมาสู้ทำให้รู้ว่าเราจะไม่เป็นเหยื่ออีกต่อไป” หัวหน้าพรรคภาคีเครือข่ายไทยกล่าว และได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ทุกๆ นโยบาย เราเน้น ทำได้ทันที!! อยู่ตรงไหนเราก็ทำ เป็นใครเราก็ทำ...”