รวบอดีตจนท.สรรพสามิตอมเงินหลวงกว่า 1 ล้าน หลบหนีคดีนานเกือบ 20 ปี

รวบอดีตจนท.สรรพสามิตอมเงินหลวงกว่า 1 ล้าน หลบหนีคดีนานเกือบ 20 ปี





ad1

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นางจุไรรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ จ.327/2551 ลงวันที่ 31 ก.ค.2551 ซึ่งต้องหาว่า “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง หรือผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ หรือโดยทุจริต”

​จับกุม บริเวณริมถนนตลาดแห่งหนึ่ง ถนนอู่ทอง ตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2566 เวลาประมาณ 15.30 น.

สืบเนื่องจากนโยบายของ ผบช.ก. และ ผบก.ทล. ให้ทุกหน่วยงานจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับค้างเก่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ และใกล้จะหมดอายุความ โดยคดีนี้ผู้ต้องหาได้กระทำความผิดตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตจังหวัดอุบลราชธานี

เมื่อประมาณเดือน พ.ย.2546 ผู้ต้องหาได้เบียดบังเอาเงินที่ได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิตที่ประชาชนนำมาชำระ มาเบียดบังนำเงินดังกล่าวมาเป็นของตนเองโดยทุจริต มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

ภายหลังจากที่หน่วยงานต้นสังกัดได้ทราบเรื่องก็ได้มีการดำเนินการทางวินัย ไล่ผู้ต้องหาออกจากราชการ และได้ดำเนินคดีอาญาจนศาลออกหมายจับดังกล่าวข้างต้น ตั้งแต่ปี 2551 แต่ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 20 ปี และกำลังจะขาดอายุความในเดือน พ.ย.2566

จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีจากภูมิลำเนาอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มาพักอาศัยอยู่ในบริเวณตลาดหน้าวัง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากการเฝ้าตรวจสอบได้พบบุคคล มีตำหนิรูปพรรณใบหน้าตรงตามหมายจับพักอาศัยอยู่บริเวณตลาดแห่งหนึ่ง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ต่อเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ และได้แสดงตัวพร้อมกับสอบถามบุคคลคนดังกล่าว โดยผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับ ตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบ และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป