ทะลักไม่หยุด!ตม.สงขลาสกัดจับแก๊งขนแรงงานเมียนมา 50 คนคาจุดตรวจพรุพ้อพร้อมรวบคนขับรถขน 3 คัน

ทะลักไม่หยุด!ตม.สงขลาสกัดจับแก๊งขนแรงงานเมียนมา 50 คนคาจุดตรวจพรุพ้อพร้อมรวบคนขับรถขน 3 คัน





ad1

สงขลา-ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสกัดจัดแก๊งลักลอบขนแรงานเถื่อนข้ามชาติ “เมียนมา” คาจุดตรวจพรุพ้อ บรรทุกกระบะ 3 คัน ทรถคอกขนผัก 2 คัน ส่วนอีกคันเป็นรถกระบะตู้ทึบขนสัมภาระ พร้อมรวบคนขับรถ 3 คน รวม 50 คน รับจาก จ.ประวจบฯ ส่งปลายทาง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 20,000 บาท 

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 19 ต.ค. 65  ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา (ตม.) ตำรวจ ปคม. ตำรวจน้ำสงขลา ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ ปปป. และ ตำรวจ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา ร่วมกันสกัดจับรถยนต์ขนแรงงานเถื่อนชาติ โดยสามารถสืบสวนและสกัดจับได้ที่บริเวณจุดตรวจพรุพ้อ ถนนสายเอเชีย รอยต่อระหว่าง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา กับ จ.พัทลุง ฝั่งขาเข้า อ.หาดใหญ่จ.สงขลา  เป็นรถยนต์กระบะ 3 คัน เป็นรถคอกขนผัก 2 คัน ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 3-ฒณ-5332 กรุงเทพฯ และยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ผผ-5173 สงขลา ซึ่งในรถทั้ง 2 คัน ลักลอบขนแรงงานเถื่อนต่างด้าวชาวเมียนมารวมกัน 50 คน เป็นชาย 37 คน และหญิงอีก 13 คน ต่างเป็นคนวัยรุ่นหนุ่มสาววัยทำงาน

ส่วนอีกคันเป็นรถกระบะตู้ทึบยี่ห้ออีซูซุ ผต-8180 นครปฐม ซึ่งทำหน้าที่เป็นรถสำหรับบรรทุกกระเป๋า และเสื้อผ้าสัมภาระของแรงงานชาวเมียมาต่างด้าวกลุ่มนี้ พร้อมกับควบคุมตัวคนขับรถกระบะทั้ง 3 คัน คือนายธเนส พึ่งตำบล อายุ 34 ปี นายพงศกร สารีกามา อายุ 40 ปี และ นายกฤศ ดีพร้อม อายุ 38 ปี ไปทำการสอบสวน

เบื้องต้น ให้การว่าได้รับการว่าจ้างมาอีกทอดหนึ่งให้ทำการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา โดยไปรับมาจาก จ.ประจวบคีรีขันธุ์ มาส่งยังปลายทางตามจุดนัดหมายที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท และจะจ่ายเงินกันเมื่อส่งแรงงานแล้วเสร็จ และยอมรับว่ารับจ้างขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมามาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่และจับกุมได้เสียก่อน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งแรงงานเมียนมา และคนขับรถชาวไทย ไปทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา ก่อนแจ้งข้อหาดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งเป็นต่างด้าวหลบหนีข้าเมืองฯ และร่วมกันพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ รวมทั้งขยายผลไปยังกลุ่มนายทุนและผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

อัสวิน ภักฆวรรณ ผู้สื่อข่าวจังหวัดสงขลา