"หงส์แดง"โบยบิน"ซาลาห์แฮตทริก "นาโปลี-เสือใต้-คลับ บรูช"ฉลุย ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

"หงส์แดง"โบยบิน"ซาลาห์แฮตทริก "นาโปลี-เสือใต้-คลับ บรูช"ฉลุย ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก





ad1

“โมฮาเหม็ด ซาลาห์”ซัดแฮตทริก"พา"ลิเวอร์พูล"บุกถล่มเรนเจอร์ส ส่วน นาโปลี, บาเยิร์น มิวนิก และคลับ บรูช พาเหรดเข้ารอบน็อกเอาต์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2022-23 รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม กลุ่มเอ เรนเจอร์ส จากสกอตแลนด์ เปิดสนามไอบร็อกซ์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่าจากอังกฤษ ผลปรากฎว่า"หงส์แดงโชว์ฟอร์มโหดบุกถล่มทีมเจ้าบ้าน 7-1 

โดยเจ้าบ้านยิงขึ้นนำก่อน 1-0 จาก สกอตต์ อาร์ฟีลด์ นาทีที่ 17 แต่หลังจากนั้น"หงส์แดง"ดาหน้ายิง 7 ลูกรวด จากโรแบร์โต เฟอร์มิโน นาทีที่ 24,55,ดาร์วิน นูนเญซ นาทีที่ 66,โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาทีที่ 75,80,81 และฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ 89 

จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ เรนเจอร์ส ไป 7-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 9 คะแนน จาก 4 นัด รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม โอกาสเข้ารอบสดใส ส่วน เรนเจอร์ส แพ้รวด 4 นัด ตกรอบเรียบร้อย

ผลอีกคู่ นาโปลี (อิตาลี) ชนะ อาแจ็กซ์ (เนเธอร์แลนด์) 4-2

เจ้าบ้านได้ประตูจาก อีร์บิง โลซาโน นาที 4, จาโคโม ราสปาโดรี นาที 16, ควิชา ควารัตส์เคเลีย นาที 62 (จุดโทษ), วิกเตอร์ โอซิเมน นาที 89 ส่วนทีมเยือนได้จาก ดาวี คลาสเซน นาที 49, สตีเฟน เบิร์กไวน์ นาที 83 (จุดโทษ) ผลแมตช์นี้ทำให้นาโปลีการันตีเข้ารอบน็อกเอาต์ด้วย

อันดับหลังผ่านไป 4 นัดเท่ากัน 1. นาโปลี (12 คะแนน : เข้ารอบแล้ว) 2. ลิเวอร์พูล (9 คะแนน) 3. อาแจ็กซ์ (3 คะแนน) 4. เรนเจอร์ส (0 คะแนน)

กลุ่มบี “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด จากสเปน เปิดสนามเอสตาดิโอ ซิบิตัส เมโตรโปลิตาโน เสมอกับคลับ บรูช จากเบลเยียม 0-0

เกมนี้คลับ บรูชต้องเหลือผู้เล่น 10 คน คามาล โซวาห์ ถูกไล่ออกนาที 82

ผลแมตช์นี้ทำให้คลับ บรูช การันตีเข้ารอบน็อกเอาต์แล้ว ซึ่งเป็นหนแรกของสโมสรนับตั้งแต่เปลี่ยนรูปแบบรายการนี้จากยูโรเปียน คัพ มาเป็นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และเริ่มมีการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อฤดูกาล 1992-93 เลยทีเดียว

ผลอีกคู่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (เยอรมนี) แพ้ ปอร์โต (โปรตุเกส) 0-3

ทีมเยือนได้จาก กาเลโน นาที 6, เมห์ดี ตาเรมี นาที 53 (จุดโทษ) และ 64 (จุดโทษ) เลเวอร์คูเซนพลาดโอกาสจากจุดโทษ เคเรม เดมีร์บาย ยิงพลาดนาที 16

อันดับหลังผ่านไป 4 นัดเท่ากัน 1. คลับ บรูช (10 คะแนน : เข้ารอบแล้ว) 2. ปอร์โต (6 คะแนน) 3. แอตเลติโก มาดริด (4 คะแนน) 4. ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (3 คะแนน)

กลุ่มซี “เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลนา จากสเปน เปิดสนามสปอติฟาย คัมป์ นู เสมอกับ “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี 3-3

เจ้าบ้านได้ประตูจาก อุสมาน เดมเบเล นาที 40, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี นาที 82 และ 90+2 ส่วนทีมเยือนได้จาก นิโคโล บาเรลลา นาที 50, เลาตาโร มาร์ติเนซ นาที 63, โรบิน โกเซนส์ นาที 89 โดยเกมนี้ ซิโมเน อินซากี กุนซืออินเตอร์ โดนใบแดงนาที 90+7

ผลอีกคู่ วิกตอเรีย เพลเซน (สาธารณรัฐเช็ก) แพ้ บาเยิร์น มิวนิก (เยอรมนี) 2-4

เจ้าบ้านได้ประตูจาก อดัม วัลคาโนวา นาที 62, ยาน คลิเมนต์ นาที 75 ส่วนทีมเยือนได้จาก ซาดิโอ มาเน นาที 10, โธมัส มุลเลอร์ นาที 14, เลออน โกเร็ตซ์กา นาที 25 และ 35 ซึ่งผลแมตช์นี้ทำให้บาเยิร์นการันตีเข้ารอบน็อกเอาต์ด้วย

อันดับหลังผ่านไป 4 นัดเท่ากัน 1. บาเยิร์น มิวนิก (12 คะแนน : เข้ารอบแล้ว) 2. อินเตอร์ มิลาน (7 คะแนน) 3. บาร์เซโลนา (4 คะแนน) 4. วิกตอเรีย เพลเซน (0 คะแนน)

กลุ่มดี “ไก่เดือยทอง”ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จากอังกฤษ เปิดสนามท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม เอาชนะ “อินทรีแดงดำ”ไอน์ทรักต์ แฟรงก์เฟิร์ต จากเยอรมนี 3-2

เจ้าบ้านได้ประตูจาก ซน ฮึง-มิน นาที 20 และ 36, แฮร์รี เคน นาที 28 (จุดโทษ) ส่วนทีมเยือนได้จาก ไดจิ คามาดะ นาที 14, ฟาริเด อาลิดู นาที 87 โดยแฟรงก์เฟิร์ตต้องเหลือ 10 คน ตูตา ถูกไล่ออกนาที 60

ผลอีกคู่ สปอร์ติง ลิสบอน (โปรตุเกส) แพ้ โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) 0-2

ทีมเยือนได้จาก มัตเตโอ เก็นดูซี นาที 20 (จุดโทษ), อเล็กซิส ซานเชซ นาที 30 โดยสปอร์ติงต้องเหลือ 9 คน ริคาร์โด เอสกาโย ถูกไล่ออกนาที 19 และเปโดร กอนซัลเวส ถูกไล่ออกนาที 61

อันดับหลังผ่านไป 4 นัดเท่ากัน 1. ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (7 คะแนน) 2. โอลิมปิก มาร์กเซย (6 คะแนน) 3. สปอร์ติง ลิสบอน (6 คะแนน) 4. ไอน์ทรักต์ แฟรงก์เฟิร์ต (4 คะแนน)