ความยากจนบังคับ!สาวใหญ่ขโมยนมร้านสะดวกซื้อให้ลูก สำนึกผิดแล้ว วอนสังคมให้โอกาส

ความยากจนบังคับ!สาวใหญ่ขโมยนมร้านสะดวกซื้อให้ลูก สำนึกผิดแล้ว วอนสังคมให้โอกาส





ad1

ศรีสะเกษ-สาวใหญ่ลักนมร้านสะดวกซื้อให้ลูก สำนึกผิด ทำไปเพราะความจน วอนสังคมให้โอกาส ขณะที่ รองผู้ว่าฯศรีสะเกษ ย้ำไม่ให้เอาเป็นแบบอย่าง-ผิดกฎหมาย ซ้ำมีคดีติดตัวจนตาย

จากกรณีที่ ร.ต.อ.มงคล พิลัย รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองศรีสะเกษ จับกุมตัว น.ส.ภัทรนันท์ บุพิมาย อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 207/1 หมู่ 9 ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ หลังก่อเหตุขโมยนมกล่องจากร้านสะดวกซื้อ ใส่ในกระเป๋าผ้าสีดำ จำนวน 3 กล่อง มูลค่ารวม 39 บาท แล้วถูกผู้จัดการร้านควบคุมตัวไว้ได้และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวไปดำเนินคดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา เวลา 21.30 น. ซึ่งขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจนายหนึ่ง ได้รับแจ้งและไปตรวจยังที่เกิดเหตุ พบว่าสิ่งของที่ขโมยไม่มากและมีมูลค่าเล็กน้อย จึงได้จ่ายค่านมแทน เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ถูกจับกุม แต่ผู้จัดการร้านไม่ยอม จึงได้นำตัวมาสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ซึ่งเบื้องต้น น.ส.ภัทรนันท์ ได้ให้การรับสารภาพว่าตนขโมยนมจริง เพื่อจะนำไปให้ลูกสาวอายุ 15 ปีดื่ม เนื่องจากลูกสาวบอกว่าหิว ตนไม่มีเงินแต่ก็ต้องการที่จะดูแลลูกสาวให้ได้อยู่ดีกินอิ่ม และอยากดูแลเขาให้ดี ไม่มีเงินก็ต้องหาทางหาของที่ลูกต้องการมาให้ได้ ซึ่งตนเคยก่อเหตุลักทรัพย์ในร้านสะดวกซื้อแบบนี้มาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 หลังจากที่ตำรวจมารับตัวตน ตำรวจสงสารได้จ่ายเงินค่านมให้เพื่อไม่ให้ตนถูกจับกุม แต่ผู้จัดการร้านไม่ยอมยืนยันให้ดำเนินคดี ตนได้รับปากกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะจ่ายค่านมให้ว่าต่อไปจะไม่ทำอีก

 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน นำตัวเข้าห้องควบคุม ต่อมา พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องรายนี้ โดยให้เหตุผลว่า คดีนี้ ตนตรวจสอบแล้วเห็นว่า แม้คดีนี้จะเป็นคดีอาญาแผ่นดินต้องหาว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี และบุคคลอื่นไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง แต่เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีบุตรที่จะต้องดูแล ไม่น่าจะหลบหนี และทรัพย์ที่ลักเอาไปมีมูลค่าเล็กน้อยเพียง 39 บาท หากประกันตัวไปไม่น่าจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและไม่น่าจะเสียรูปคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไปจากการควบคุมของพนักงานสอบสวน และสั่งให้ผู้ต้องหามารายงานตัวตามนัดต่อไปเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนนัดให้มารายงานตัวทุก 12 วัน จนกว่าจะสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการได้

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.ค. นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายคมป์ สังข์วงษ์ นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ พ.ต.อ.หัสพงศ์ เติมศิริตังคโณบล รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.ณัฐกิตติ์ เจริญเกษสุวรรณ์  ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งประชุมแนวทางแก้ไขปัญหาและเข้าให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่สังคมและประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้มอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค พร้อมกับเงินสดจำนวนหนึ่ง จากภาคส่วนต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นด้วย

นายสำรวย กล่าวว่า ในส่วนของคดีเบื้องต้นทางตำรวจก็ได้ดำเนินการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว และเจ้าหน้าที่จะได้เร่งส่งสำนวนให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งผลการตัดสินคดีจะเป็นเช่นไรนั้นขึ้นอยู่กับผู้พิพากษาศาลท่านจะพิจจารณา ส่วนในเรื่องของความทุกข์ยากลำบากนั้น ทั้งในเรื่องของที่อยู่อาศัยที่ชำรุดทรุดโทรม ภายในบ้านมีผู้อยู่อาศัยรวมทั้งหมด 10 คน ทั้งชายและหญิง อยู่รวมกัน อายุระหว่าง 17-57 ปี  เบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้านเข้าให้ความช่วยเหลือดูแลแล้ว ทั้งในเรื่องของการปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัย การส่งเสริมให้มีอาชีพ มีรายได้ ส่วนปัญหาเรื่องสุขภาพความเจ็บป่วย ก็ได้มีแพทย์ พยาบาล จากทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแลอยู่แล้ว

ทั้งนี้อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่อยากให้เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ากระทำความผิดลักษณะนี้แล้วได้รับความช่วยเหลือ เราก็ต้องดูปัจจัยหลายอย่างประกอบกันในการให้ความช่วยเหลือ การกระทำแบบนี้ไม่สมควรนำไปเป็นแบบอย่าง ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกกฎหมาย ไม่สมควรทำ และจะต้องมีคดีติดตัวไปตลอดชีวิตอีกด้วย

ด้าน น.ส.ภัทรนันท์  กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนรู้สึกผิดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่ทำไปเพราะความจน ตนขอสัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกต่อไป และขอบคุณทุกภาคส่วนที่เมตตาและให้โอกาส และรู้สึกดีใจมากที่ผู้หลักผู้ใหญ่ให้การเมตตาช่วยเหลือดูแล ต้องขอขอบคุณทุกท่านทุกฝ่ายที่ช่วยให้ตนออกจากห้องขัง และจะไม่ทำให้แม่ และญาติพี่น้องต้องเป็นทุกข์ใจอีกต่อไป.

เสนาะ  วรรักษ์ /รายงาน