หนุ่มใหญ่เมาซิ่งกระบะพุ่งชนท้ายรถขนขยะอัดพนง.คัดแยกดับสยอง
หนุ่มใหย่วัย 45 เมารถกระบะขับมาด้วยความเร็วเสียหลักพุ่งชนพนักงานเก็บขยะที่ยืนคัดแยกขยะอยู่ท้ายรถเสียชีวิตคา ย่านบางเขน
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 เวลา 03.00 น. วิดีโอจากกล้องหน้ารถกระบะ ขับมาตามถนน พหลโยธินขาออก ก่อนถึงวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ลักษณะรถขับมาอย่างรวดเร็วอยู่เลนขวาสุด จากนั้นเปลี่ยนมาเลนกลางมาซ้ายสุด แล้วชนเข้ากับท้ายรถขนขยะเข้าอย่างจัง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังยืนคัดแยกขยะอยู่ที่บริเวณท้ายรถ ภาพจะตัดไปทันที
หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สน.บางเขนแพทย์ นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอยุที่ บริเวณ สถานีรถไฟฟ้ากรมทหารราบที่ 11 ถนนพหลโยธินขาออก เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ที่เกิดเหตุพบรถกระบะไทรทันสีดำ หมายเลข บล 6084 พระนครศรีอยุธยา จอดอยู่ริมถนน ช่องเลนซ้ายสุด สภาพด้านหน้ารถเสียหายพังยับเยินกระจกตก
ส่วนชายคนขับรถกระบะทราบชื่อ คือ นายถาวร (ขอ สงวนนามสกุล)อายุ 45 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดอยู่ภายในรถกู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเปิดประตูรถเผื่อนำคนขับรถออกมาและนำส่งโรงพยาบาลภูมิพลฯ
ด้านท้ายรถขนขยะยี่ห้อ ฮีโน่ สีเขียว หมายเลข 67-2363 กรุงเทพมหานคร เป็นรถของสำนักงานเขตบางเขน ที่ท้ายรถกระบะพบศพผู้เสียชีวิต 1 คน ทราบชื่อคือ นายบิ๊ก (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 31 ปี เสียชีวิตคาท้ายรถกระบะ ขาข้างซ้ายขาด
จากการสอบถามนายสำอาง (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถขยะ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังจอดรถอยู่โดยตนอยู่บนรถและดึงเบรคมือเอาไว้ ส่วนพนักงานเก็บขยะคนหนึ่ง กำลังไปเก็บขยะอยู่ภายในซอยส่วนนายบิ๊กซึ่งเป็นพนักงานเก็บขยะอีกคน กำลังยืนแยกขยะอยู่ที่บริเวณท้ายรถ
จากนั้นรถกระบะคันดังกล่าวก็พุ่งชนเข้าอย่างแรง ทำให้รถขยะไถลไปด้านหน้า ทั้งที่ดึงเบรคมือไว้แล้ว
โดยนายบิ๊ก ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตเพิ่งมาทำงานได้เพียง 1 เดือน และหยุดไป 3 วันเนื่องจากเจ็บขา และเพิ่งกลับมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก
เบื้องต้นทางตำรวจ สน.บางเขน ได้ประสานให้ทางโรงพยาบาลภูมิพล ให้ตรวจเลือดนายถาวร ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะ เพื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์อีกครั้ง เนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำการช่วยเหลือ ได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยออกมาจากตัวของชายคนขับรถกระบะคันดังกล่าวด้วย ก่อนที่จะมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป
ส่วนร่างผู้เสียชีวิตกู้ภัยนำส่ง พิสูจน์สถาบันนิติเวชรโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชฯก่อนมอบศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
