“ทนายรณณรงค์ “เตรียมร้อง “บิ๊กต่อ “สางคดีเยาวชน 3 คนถูกอุ้มบังคับอมนกเขา

สางคดีเยาวชน 3 คนถูกอุ้มบังคับอมนกเขา

“ทนายรณณรงค์ “เตรียมร้อง “บิ๊กต่อ “สางคดีเยาวชน 3 คนถูกอุ้มบังคับอมนกเขา





ad1

จากกรณีนักเรียนช่างกล ย่านรามคำแหง ซึ่งเป็นเยาวชน 3 คน ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนอาชีวะ ย่านมินบุรีกว้า 10  คน อุ้มไปกักขังไว้ 3 วันในบ้านเรือนไทยหลังหนึ่ง ซอยรามคำแหง 63 และได้ใช้อาวุธปืนข่มขู่ทำร้ายร่างกาย บังคับให้อมนกเขา พร้อมกับใช้ไฟลนไปที่อวัยวะเพศและได้ถ่ายคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน. หัวหมาก เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม 

วันนี้ 14 พ.ย.2565 ทางผู้ปกครองได้นำเด็กนักเรียนที่ถูดกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนอาชีวะ ย่านมีนบุรี กว่า10  คน อุ้มไปทำร้ายร่างกาย ได้นำเด็กทั้ง 3 คนเข้าพบ พันตำรวจเอก เศรฐพันธ์  ศรีสาคร ผู้กำกับการ สน.หัวหมาก และพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนในคดี

โดย นายทวีศักดิ์ คิ้วทอง ประธานศูนย์ความปลอดภัย กลุ่มอาชีวะศึกษา กทม. เดินทางเข้าพบผู้กำกับการ สน.หัวหมาก พร้อมเปิดเผยว่าจากการได้พูดคุยกับผู้อำนวยการ 2 สถาบัน ทางย่านมีนบุรีและรามคำแหง  พบว่ามีกลุ่มนักศึกษาที่ก่อเหตุเรียนอยู่ในพื้นที่มีนบุรี 3 คน  และ กลุ่มผู้เสียหายเคยเรียนอยู่ที่ย่านรามคำแหง 1 คน   ส่วนในวันเกิดเหตุถูกหลอกให้ไปหน้าปากซอยจุดเกิดเหตุ   แล้วถูกมัดมือปิดตาอุ้มไปที่บ้านหลังเกิดเหตุ และถูกทำร้าย    โดยหลังจากนี้ก็จะมีการหาทางในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป

ขณะที่ พันตำรวจเอก เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีว่า วันนี้ได้ให้ผู้เสียหายมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนที่ในวันพรุ่งนี้จะประสานสหวิชาชีพเข้าสอบปากคำผู้เสียหายอีกเป็นทางการอีกครั้ง

เนื่องจากเป็นเยาวชน เพื่อจะนำไปประกอบกับพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่ร่วมกันก่อเหตุเพิ่มอีก 4 รายซึ่งเป็นผู้ใหญ่อายุมากกว่า 18 ปีเพิ่มอีกจำนวน 3 ราย และ ออกหมายเรียกเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวนอีก1 ราย หลังจากก่อนหน้านี้ออกหมายจับและหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่ไปแล้วทั้งหมด 11 ราย รวมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมดมี 17 ราย สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่เป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว 3 ราย 

ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกคน เบื้องต้น 3 ข้อกล่าวหาคือ กักขังหนุ่มเหนียว // ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง // ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนข้อหาอื่นๆ เช่นการเผยแพร่คลิปและอาวุธปืนต้องดูพฤติกรรมของแต่ละคนว่าใครทำหน้าที่ใดบ้าง และจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง

 ส่วนอาวุธปืนคาดว่าจะถูกนำเคลื่อนย้ายหลังเกิดเหตุก่อนที่ตำรวจจะเข้าไปตรวจค้นแต่ก็จะสืบสวนและติดตามกลับมาให้ได้ พร้อมระบุว่าบ้านหลังเกิดเหตุไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลเพราะตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับก่อเหตุทะเลาะวิวาทและอาวุธปืนมาแล้วหลายครั้ง 

 ขณะที่ต่อมาเยาวชน 3 คน ผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนอาชีวะทำร้ายร่างกายเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน. หัวหมาก เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยหนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ได้ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุล่อลวงให้ไปหาก่อนจะใช้อาวุธบังคับทำร้ายร่างกายภายในบ้านหลังจากนั้นก็ลากตนเองออกมาทำร้ายทั้งเตะทั้งกระทืบที่บริเวณริมรั้วกำแพงหลังอพาร์ทเมนท์ของบ้านที่เกิดเหตุ จนกระทั่งได้มีการเอาโทรศัพท์ของตนเองแล้วติดต่อไปยังเพื่อนอีกสองคนซึ่งเป็นผู้เสียหายให้มารับตนเอง แต่เมื่อมาถึงก็ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุล็อคตัวนำไปทำร้ายร่างกายตามปรากฏในคลิป

โดยตนเองเคยเรียนสถาบันเดียวกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ และคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุไม่พอใจตนเองเข้าใจผิดว่าตนเองจะย้ายไปเรียนโรงเรียนช่างกลกูรีย่านรามคำแหง จึงทำให้ถูกทำร้ายดังกล่าว

  ด้านแม่ของผู้เสียหายเปิดเผยว่า การกระทำของผู้ก่อเหตุเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ทำกัน เพราะเป็นสิ่งที่โหดร้ายและทารุณกับลูกของตนเอง ส่วนที่พ่อของผู้ก่อเหตุออกมาขอโทษและรู้สึกผิดตนเองไม่เชื่อคำพูด เพราะตอนเกิดเหตุพ่อผู้ก่อเหตุก็อยู่ด้วยทำไมถึงไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น รู้สึกว่าเป็นเพียงแค่คำกล่าวอ้างเท่านั้น

ส่วนด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร เดินทางมาที่ สน.หัวหมาก เพื่อนำหลักฐานเพิ่มเติมมามอบให้พนักงานสอบสวน โดยเปิดเผยว่า ตนต้องการให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นที่บ้านเรือนไทย เพราะเชื่อว่ายังมีอาวุธสงครามซ่อนอยู่อีกเยอะ 

และพรุ่งนี้จะนำเอกสารหลักฐานทั้งหมด ไปยื่นต่อพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เข้ามาช่วยเร่งรัดคลี่คลายคดีนี้ด้วย เพราะมีผู้กนะทำความผิดหลายคน และยังมีอาวุธปืนสงคราม

โดยตอนนี้ ตนตั้งข้อสงสัยว่า อาวุธต่างๆ ทำไมเยาวชนที่เป็นแค่นักเรียนถึงหาซื้อได้ง่าย ตำรวจควรต้องกวาดล้างเรื่องนี้ ตนรับไม่ได้ที่น้องถูกอุ้มไปซ้อมทรมานทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น แล้วยิ่งเป็นเยาวชนอยู่ด้วย อีกทั้งยังเห็นว่า ควรแก้กฎหมายเยาวชนใหม่หรือไม่ เพราะทำผิดแล้วไม่ได้รับโทษ พ่อแม่ก็ไม่เห็นมารับผิดชอบ 

ส่วนกรณีที่มีเคลื่อนย้ายอาวุธปืนของกลาง อาจะเป็นเพราะว่า กว่าผู้เสียหายจะไปแจ้งความเรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว เนื่องจากผู้เสียหาย ถูกข่มขู่ว่าหากไปแจ้งความจะมีการปล่อยคลิป ซึ่งระหว่างนั้นอาจจะมีสายที่รู้จักกับตำรวจ ที่ทำให้ผู้ก่อเหตุรู้ตัวก่อน และเคลื่อนย้ายของกลางไปที่อื่น แล้วพอผู้เสียหายแจ้งความ ก็มีการปล่อยคลิปดังกล่าวออกมาจริงๆ

อย่างไรก็ตาม การที่ก่อนหน้านี้ตำรวจได้เข้าตรวจค้นแล้ว 1 ครั้ง ตำรวจก็สามารถที่จะออกหมายค้นซ้ำได้อีก เพราะจำเป็นต้องหาวัตถุพยานเพิ่มเติม และตอนนี้ก็มีผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่เคยถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้กระทำเช่นเดียวกัน ติดต่อมาหาตนเพื่อจะเข้าแจ้งความเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งด้วย