กองทัพเรือยังคงลุยค้นหาลูกเรือที่สูญหายจากเหตุเรือประมงอัปปาง4ราย

กองทัพเรือยังคงลุยค้นหาลูกเรือที่สูญหายจากเหตุเรือประมงอัปปาง4ราย





ad1

ชลบุรี-กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 ยังคงค้นหาลูกเรือที่สูญหายจากเหตุเรือประมงอัปปาง ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3

ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์  เรือประมงชื่ออนันตศักดิ์ อับปางกลางทะเลระยองเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเรือประมงที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้ให้ความช่วยเหลือลูกเรือที่พลัดตกน้ำได้ 3 คน เป็นคนไทย 1 คน และต่างชาติ 2 คน จากการตรวจสอบพบว่ายังมีลูกเรือสูญหายอีก 4 คน ในการนี้ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค1) ได้ประสานทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) จัดเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ต.264 (เรือ ต.264) จากหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 2 เข้าค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหาย บริเวณแบริ่ง 190 ระยะ 32 ไมล์จากกระโจมไฟแหลมปู่เจ้า อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

 ซึ่งเป็นจุดที่เรืออัปปางอย่างเร่งด่วน เมื่อถึงพื้นที่ที่เรืออัปปางได้ทำการค้นหาแบบ Square Search เป็นเวลา 4 ชั่วโมง ผลการค้นหาไม่พบผู้สูญหายดังกล่าว ในขณะทำการค้นหาพบว่ามีเรือประมงชื่อ “รัตนมณีรุ่ง” เฝ้าบริเวณจุดที่เรืออัปปาง จึงได้ทำเครื่องหมายเรืออัปปางไว้ โดยวานนี้ (1 พฤศจิกายน 2564) ทรภ.1 ยังคงสั่งการให้เรือ ต.264 ออกเรือไปค้นหาผู้สูญหาย แต่เนื่องจากคาดการณ์ว่าผู้สูญหาญอาจติดอยู่ในเรือ ประกอบกับบริเวณดังกล่าวมีระดับน้ำลึกมาก จึงต้องอาศัยนักดำน้ำที่มีความสามารถในการปฏิบัติงานใต้น้ำในระดับน้ำลึก จึงได้จัดนักประดาน้ำ EOD จากกรมสรรพาวุธทหารเรือ จำนวน 2 นาย ลงไปพร้อมกับเรือ ต.264

 จากรายงานเบื้องต้นของนักประดาน้ำที่ดำลงไปสำรวจบริเวณซากเรือพบว่าระดับน้ำลึกประมาณ 30 - 40 เมตร ประกอบกับมีอวน เชือก และเส้นเอ็น จำนวนมาก ปกคลุมรอบเรือ รัศมีประมาณ 10 ม. ซึ่งเป็นข้อจำกัด และเป็นอันตรายต่อการเข้าไปปฏิบัติงาน ประกอบกับสภาพน้ำที่ขุ่น ไม่สามารถเข้าไปสำรวจภายในตัวเรือได้ มีความจำเป็นต้องขอสนับสนุนอุปกรณ์ และ นักประดาน้ำเพิ่มเติมในการตัดอวนและเชือกเพื่อเข้าไปค้นหาผู้ที่สูญหายทั้ง 4 คนภายในตัวเรือได้ปลอดภัย จึงได้บันทึกภาพและวีดิโอไว้เพื่อนำมาวางแผนค้นหาต่อไป นอกจากนี้ จากการสำรวจค้นหาบริเวณภายนอกตัวเรือยังไม่พบลูกเรือจำนวน 4 คนดังกล่าว ทั้งนี้ ในวันนี้ (2 พฤศจิกายน 2564) ทัพเรือภาคที่ 1 ได้มีการจัดประชุมกับหน่วยงานภายใน ทร. และ ศรชล.ภาค 1 เพื่อวางแผนเตรียมการค้นหาผู้สูญหายบริเวณจุดที่เรือประมงอับปาง โดยมีแผนที่ออกเรือและลงดำค้นหาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (3 พฤศจิกายน 2564) การนี้ ทรภ.1 ขอความร่วมมือจากกลุ่มเรือประมงในพื้นที่ให้ช่วยกัน ค้นหาลูกเรือที่สูญหาย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประมงในทะเลเป็นอย่างดี

 สำหรับในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (3 พฤศจิกายน 2564) ทัพเรือภาคที่ 1 จะจัดเรือหลวงมันนอกและนักประดาน้ำ EOD จำนวน 23 นาย พร้อมอุปกรณ์ตัดอวน เชือก และเอ็น ออกไปทำการดำค้นหาผู้ที่สูญหาญที่คาดว่าจะติดอยู่ในซากเรือประมงที่อับปาง โดยกำจัดอวน เชือก และอวนที่อยู่บริเวณรอบเรืออับปาง เพื่อที่จะได้ค้นหาและช่วยเหลือหากเจอผู้สูญหายดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งได้นำห้องปรับความดันบรรยากาศสูงขนาดเล็ก (Hyperbaric Chamber) เพื่อสำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติงานใต้น้ำของนักประดาน้ำ หรือกรณีพบผู้สูญหายที่มีชีวิตอยู่และเจ้าหน้าที่พยาบาลลงความเห็นต้องเข้าห้องปรับความดันฯ ทันที เพื่อความปลอดภัยของผู้ประสบอุบัติเหตุดังกล่าวในขณะอยู่ในทะเล 

นอกจากนั้นในส่วนของฐานทัพเรือสัตหีบได้สนับสนุนและเตรียมศูนย์อาภากร ในการสนับสนุนแพทย์และพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ของกองเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุดังกล่าวจากทะเลมารักษาตัวบนฝั่งต่อไป และซึ่งการดำเนินการต่าง ๆ ของกองทัพเรือ นั้น ล้วนแล้วแต่ใช้กำลังพลที่มีขีดความสามารถในการปฏิบัติงานใต้น้ำที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างหนัก เป็นเวลานาน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อภารกิจที่ยากลำบากได้เป็นอย่างดี รวมถึงการนำยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ที่มาจากภาษีของพี่น้องประชาชน ซึ่งในภาวะปกตินำมาช่วยเหลือประชาชนทางทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ ในทุกโอกาสให้เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด อย่างเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะพี่น้องชาวประมงผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับทะเล

  ทั้งนี้ กองทัพเรือ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนรัฐบาลและให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยทรัพยากรต่าง ๆ ของกองทัพเรือ เพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่ประชาชนและสังคม เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ โดย มีเป้าหมายที่สำคัญคือ "รวมใจภักดิ์  รักชาติ  ราษฎร์ศรัทธา"