“ผึ้งโพรง”ใต้ วูบ 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทาง“ผึ้งพันธุ์”เหนือราคาพุ่งรอบ 20 ปี

“ผึ้งโพรง”ใต้ วูบ 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทาง“ผึ้งพันธุ์”เหนือราคาพุ่งรอบ 20 ปี





ad1

“ผึ้งโพรง” ใต้ วูบ 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วน “ผึ้งพันธุ์” เหนือราคาพุ่งในรอบ 20 ปี 5 โรงงานอุตสาหกรรมส่งออกรายใหญ่ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน ส่วนภาคใต้ อียู ต้องการ80 ถัว 24,000 กก. แต่ไม่มีสินค้าส่งมอบ คาดภาคใต้รออีก 5 ปี เข้าสู่สถานะน้ำผึ้งโพรงอุตสาหกรรมได้ ต้องได้น้ำผึ้งโพรง 50,000 กก. ปีนี้ภาคเหนือได้เงินน้ำผึ้งพันธุ์ กว่า 200 ล้านบาท ส่วนภาคใต้เงินน้ำผึ้งโพรงหายกว่า 1 ล้านบาท  

นายวีระพล ห้วนแจ่ม ประธานวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผึ้งโพรง ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และประธานกรรมการวิสาหกิจชุมชนผึ้งโพรงปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ผึ้งโพรงในปี 2564 ทางภาคใต้ ยอดการผลิตได้ถดถอยลงประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้จากปัจจัยทางสภาพภูมิอากาศที่ผันแปร เพราะเกิดฝนตกชุกต่อเนื่องโดยเฉพาะเดือน 5-6-7  ซึ่งเป็นฤดูกาลพืชผลไม้ผลัดใบ ออกดอก ออบใบ เป็นอาหารของผึ้งโพรงได้เกิดความเสียหาย ผึ้งโพรงไม่มีอาหารจึงต้องอพยพเคลื่อนย้ายไปหาแหล่งอาหารใหม่ 

โดยเฉพาะอพยพไปยัง จ.ตรัง จ.กระบี่  ทำให้ได้รับผลผลิตน้ำผึ้งโพรงปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยตั้งแต่ 4 กก. 8 กก / กล่อง / การจับ 1 ครั้ง 

สำหรับในเครือข่ายผึ้งโพรง ปีนี้สามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 2 ตัน หรือประมาณ 2,000 กก. จากเดิมที่เก็บผลผลิตและรวบรวมได้ ประมาณ 5 ตัน ประมาณ 5,000 กก. ฯลฯ  จากเครือข่ายที่เป็นกลุ่มก้อนเลี้ยงกันมาก จ.พัทลุง ตรัง สงขลา จ.นครศรีธรรมราช  ประมาณ 30,000 กล่อง ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงกลุ่มรายย่อยทุกประเภท 

นายวีระพล  กล่าวอีกว่า แนวทางที่จะนำผึ้งโพรงเข้าสู่อุตสาหกรรมน้ำผึ้งโพรง จึงยังไม่สามารถที่จะดำเนินการได้จะต้องใช้เวลาอีกประมาณ  3-5 ปี เพื่อให้เกิดเสถียร การจะทำเป็นอุตสาหกรรมน้ำผึ้งโพรงได้ จะต้องได้ผลผลิตประมาณ 50 ตัน หรือประมาณ 50,000 กก. และประมาณ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ยาว เพื่อการส่งออกไปยังสหภาพประเทศยุโรป (อียู) ที่มีความต้องการมาก  

เนื่องจากเมื่อโดยเร็วนี้ ๆ จากโซนประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประสานมายังกลุ่มที่จะขอโควต้าน้ำผึ้งโพรงประมาณ  1 ตู้คอนเทเนอร์ จำนวน 80 ถัง หรือประมาณ 24,000 กก.มีมูลค่า 9.6 ล้านบาท  เพื่อนำเข้าสู่ประเทศสหภาพยุโรป  ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ น้ำผึ้งโพรงไม่พอ 

“สาเหตุที่ อียู. ต้อกงารน้ำผึ้งโพรงไทย เนื่องจากไม่มีสารเจือปน เพราะเลี้ยงแบบธรรมชาติอินทรีย์ ต่างกับผึ้งอื่น ๆ ที่จะต้องใช้สารเพื่อให้ลำใยออกนอกฤดูกาล” 

นายวีระพล กล่าวอีกว่า ภาคใต้น้ำผึ้งโพรงในปี 2564 ที่จัดเก็บได้ประมาณ 2,000 กก. จาก 5,000 กก  โดยราคายังคงยืนอยู่ที่ 300-500 บาท / กก. จากราคากลางที่ 400 บาท / กก.จะเป็นเป็นเม็ดเงินประมาณ 800,000 บาทที่หมุนเวียน  แต่ได้ขาดหายไปประมาณ 3,000 กก. เป็นเม็ดเงินประมาณหมุนเวียน 1.2 ล้านบาท 

ส่วนทางภาคเหนือผึ้งพันธุ์สวนลำไย มีผลผลิตประมาณ 5,000 ถัง  ถังละ 300 กก. ประมาณ 1.5 ล้าน กก. บางรายได้ผลผลิตประมาณ 50 ถัง ประมาณ 15,000 ลิตร  และ 200 ถัง ประมาณ 60,000 กก. ฯลฯ 

และทางด้านราคาได้สูงที่สุดในรอบ 20 ปี  ที่ได้ปรับขึ้น 95- 150 บาท / กก. จากเดิมราคาที่ 65-120 บาท / กก. มีมูลค่าเงินหมุนเวียนประมาณ 225 ล้านบาท  สำหรับทางภาคผึ้งพันธุ์ประกอบเป็นอุตสาหกรรมน้ำผึ้งพันธุ์ได้ ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมน้ำผึ้งพันธุ์ประมาณ 5 โรง ส่วนใหญ่ประกอบการเพื่อส่งออกเป็นอันดับต้นไปยัง ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน เป็นต้น 

โดยประมาณ 4,000 ถัง ประมาณ 1,2 ล้าน กก. บริโภคภายในประเทศประมาณ 1,000 ถัง ประมาณ 300,000 กก.  

นายวีระพล กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่ราคาน้ำผึ้งได้ขยับสูงขึ้นมากในรอบ 20 ปี  เนื่องจากตลาดน้ำผึ้งขาดแคลนไปทั่วโลก สาเหตุจากภาวะโลกร้อน ได้ส่งผลกระทบต่อพืชผลไม้หลายชนิดขาดน้ำต้อย ดอกไม้ผิดรูปแบบไป  อีกทั้งลำไยทางภาคเหนือ ก็ผิดรูแบบไป จึงทำให้ผลผลิตออกมาปริมาณน้อย 

“จากภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบทำให้ผึ้งพันธุ์ ผึ้งโพรง ผึ้งชนิดต่าง ๆ ต้องถดถอยไป ตอนนี้พ่อค้าแม่ค้าน้ำผึ้งต่างแข่งขันซื้อน้ำผึ้งพันธุ์  รับซื้อมีการแจกแถมถังเก็บน้ำผึ้งขนาด 200 กก.และสิทธิพิเศษต่าง ๆ  ผิดไปจากเดิม ๆ ที่ผู้เลี้ยงผึ้งพันธุ์ต่างไปหาพ่อค้ามาช่วยซื้อน้ำผึ้ง”  

สำหรับผึ้งโพรงจะต่างกับผึ้งพันธุ์ทางด้านการเลี้ยง ผึ้งโพรงเป็นผึ้งทางธรรมชาติระบบอินทรีย์ ขณะที่ผึ้งพันธุ์ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ 

สำหรับที่กลุ่มเป็นตลาดที่รับซื้อผึ้งโพรง ทั้งรายย่อยรายเล็กและรายใหญ่  ผู้ที่ดำเนินการเลี้ยงผึ้งโพรง ไม่ต้องกังวลเรื่องการตลาดมีตลาดรองรับซื้อประจำทุกวัน ผู้เลี้ยงเกิดความเชื่อมั่นได้ โดยรับซื้อราคาที่ 300 บาทขึ้นไป / กก.  ส่วนผึ้งอุ้ง หรือผึ้งชัน ประมาณ 700 บาท / กก. แต่ขายส่งออก ประมาณ 900 – 1,500 บาท / กก. 

“สำหรับในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจน้ำผึ้งโพรง ผึ้งพันธุ์ หาได้รับผลกระทบแต่ประการใด”.