สลด!แม่วัย 19 ปีฆ่าทารก9เดือนทิ้งอ้างกลัวพ่อเเม่-แฟนใหม่รับไม่ได้

0 36

ชัยภูมิ - ตร.ตามรวบแม่วัน 19ปี ฆ่าลูกทารก 9 เดือน สารภาพสิ้นกลัวพ่อเเม่-แฟนใหม่รับไม่ได้ นำสายชาจโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างตัวมารัดคอจนเสียชีวิตแล้วยัดใส่กระเป๋าเดินทาง

ความคืบหน้ากรณี มีชาวบ้านพบกระเป๋าเดินทาง มีเลือดไหลออกมา ถูกทิ้งไว้กลางทุ่งนา บ้านนาสีนวล หมู่ที่ 7 ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

ภายในกระเป๋าสีดำยังพบทารกเพศหญิง อายุครรภ์ราว 8 เดือน สภาพเน่าเปลื่อย ถูกสายชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือรัดคอ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-5 วัน ก่อนที่ชาวบ้านจะมาพบกระเป๋าใบดังกล่าว แจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ

หลังจากนั้นทางด้าน พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ มอบหมายให้ พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ใจสะบาย รอง ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ สั้งการให้เร่งไล่ล่าแม่ใจยักษ์รายนี้มาดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 24 ชั่วโมง สามารถแกพรอยจากเสื้อที่พบในจุดเกิดเหตุ ซึ่งเสื้อตัวดังกล่าวเป็นของบริษัทขนส่งชื่อดัง กระทั้งทราบตัวแม่ใจยักษ์รายดังกล่าวชื่อ(น.ส.เอ นามสมมุติ)อายุ 19 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 258 หมู่ที่ 7 ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุมได้ในหอพักบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองชัยภูมิ

สอบถามไปยังน.ส.เอ ให้การรับสารภาพว่าตนนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็นแบบนี้ แต่ตนเองกลัวว่าแฟนหนุ่ม ที่ทำงานบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ที่ได้คบกันเพียง 6 เดือน นั้น จะทราบเรื่องว่าตนเองท้อง และมีลูกคลอดออกมา บวกกับ กลัวพ่อแม่ ของตนเองรับไม่ได้ จนกระทั้งลูกคลอดออกมาอยู่ในหอพักตนเกิดตกใจจึงตัดสินใจ และนำสายชาจโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างตัวมารัดคอ กระทั้งไม่ได้ยินเสียงร้อง ก่อนที่ตนจะห่อหุ้มด้วยผ้าหลายชั้น นำใส่กระเป๋าเดินทาง

ก่อนขับรถจักรยานยนต์มาทิ้งไว้บริเวณจุดดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นแฟนของตนนั้นยังคงทำงาน ไม่มีส่วนรู้เห็น และ ยืนยันไม่ได้ทุบศรีษะแต่อย่างไร เนื่องจากตอนนั้นตกใจคว้าอะไรได้ก็นำมารัดก่อน ก่อนที่จะนำไปทิ้ง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ

ด้าน ร.ต.อ.ขันติ เพียรสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ ได้นำตัวมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพ ก่อนที่จะสอบสวนว่ามีใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป