รมว.สุชาติ ประธานฝ่ายไทยร่วมงานฉลอง 45 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - ยูเออี

094

รมว.สุชาติ ประธานฝ่ายไทยร่วมงานฉลอง 45 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - ยูเออี





Image
ad1

เมื่อวานนี้(9 ธ.ค.64) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานฝ่ายไทย กล่าวในงานฉลองครบรอบ 45 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมของอาคารแสดงประเทศไทยในงานเอ็กซ์โปดูไบ ณ Thai Pavilion ในงาน World Expo 2020 โดยมี  นายวราวุธ ภู่อภิญญา เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี   พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางปลิดา ร่วมคำ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย 

โดย นายสุชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยและยูเออีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาตั้งแต่ปี 2518 แม้ไทยและยูเออีจะแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือขนาดประเทศและประชากร แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่สองประเทศจะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ มีพลวัตรในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงานและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ผมเชื่อเสมอในพลังของคน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับรัฐ และเป็นพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ยูเออีถือเป็นบ้าน สถานศึกษา ที่สร้างอาชีพ และโอกาสสำหรับคนไทยกว่า 6,000 คน 
ที่อาศัยอยู่ในยูเออีอย่างร่มเย็นและเป็นสุข ในขณะเดียวกัน ไทยก็เป็นที่ที่คนยูเออีนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวและรักษาพยาบาล โดยก่อนการแพร่ระบาดของโควิด มีคนยูเออีเดินทางไปไทยปีละกว่า 130,000 คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นมา ไทยได้เปิดรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากยูเออีและฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งเป็นที่น่าดีใจว่า ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากยูเออีติดลำดับ 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยมากที่สุด ในนามของประเทศไทย ผมต้องขอขอบคุณนักท่องเที่ยวจากยูเออีที่ยังคิดถึงประเทศไทยและเชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาลไทยในการรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากยูเออีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ขอชื่นชมผู้นำประเทศยูเออี และคณะผู้จัดงานที่มีวิสัยทัศน์นำความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจากประเทศต่าง ๆ มาแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานได้ชมและนำไปปรับใช้ต่อยอดในการพัฒนาประเทศของตนเอง นอกจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแล้ว บรรยากาศภายในงานยังมีความคึกคักและมีสีสัน โดยงานเอ็กซ์โปดูไบถือเป็นงานมหกรรมระดับโลกงานแรกที่จัดขึ้นหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งมีผู้เดินทางมาเข้าร่วมเยี่ยมชมจากทั่วทุกมุมโลกแล้วกว่า 5.6 ล้านคน งานเอ็กซ์โปดูไบเป็นเครื่องยืนยันที่แสดงให้เห็นว่าเราสามารถเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามรูปแบบปกติได้ ซึ่งความสำเร็จของการจัดงานครั้งนี้ นอกจากจะเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลยูเออีแล้ว ส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือ ร่วมใจและความมุ่งมั่นของประชาชนชาวยูเออีเองด้วย

สำหรับงาน World Expo 2020 เป็นการโฆษณาประเทศและประกาศจุดยืนการพัฒนาว่าต่อจากนี้ไป นานาประเทศจะเดินไปในทางไหน และเป็นอะไรของประชาคมโลก ซึ่งมีประเทศสมาชิกเข้าร่วมงานทั้งหมด 192 ประเทศ

ประเทศไทยได้จัดอาคารแสดง Thailand Pavilion)โดยพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนสู่อนาคต” (Mobility for the Future) นำเสนอนโยบายการขับเคลื่อนประเทศที่ร้อยเรียนเรื่องราวผ่านนิทรรศการทั้ง 4 ห้อง ได้แก่ ห้องที่ 1 Thai Mobility จัดแสดงเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จำลองและราชรถจำลอง ให้ความรู้เกี่ยวกับการเดินทางของคนไทยในอดีต    ห้องที่ 2 Mobility of Life นำเสนอภาพยนตร์แอนิเมชัน สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน ห้องที่ 3 Mobility of the Future นำเสนอภาพยนตร์แอนิเมชัน 360 องศา เพื่อแสดงภาพในอนาคตของประเทศไทยที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาค และห้องที่ 4 Heart of Mobility นำเสนอภาพยนตร์สั้น บอกเล่าเรื่องราวเสน่ห์ของประเทศไทย ในหลากหลายมิติ ที่สร้างความประทับใจให้ชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมเยือน ทำธุรกิจ หรือใช้ชีวิตในประเทศไทย

ที่มา กรมประชาสัมพันธ์เขต5