ด้อมส้มโคราชฟันธงมีใบสั่งสกัด"พิธา"เป็นนายกฯ-แผนต่อไปทิ้งไพ่กดดัน"เพื่อไทย"จับมือ"ลุงป้อม"ตั้งรัฐบาล

0 19

นครราชสีมา–ด้อมส้มโคราช เชื่อมีใบสั่งสกัดพิธาฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ชี้หลังจากนี้ความกดดันจะตกไปอยู่ที่เพื่อไทย มั่นใจทักษิณฯ ไม่ทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตยไปจับมือกับพรรค “ลุงป้อม”แกนนำตั้งรัฐบาล แน่

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.ต.วินัย สายต่างใจ อายุ 61 ปี แกนนำแฟนคลับพรรคก้าวไกล เขตอำเภอเมืองนครราชสีมา กล่าวว่า ภายหลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็น ส.ส.ชั่วคราวเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ซึ่งตรงกับการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และผลการประชุมรัฐสภาเสียงส่วนใหญ่มีมติไม่ให้ส่งชื่อนายพิธาฯ เข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีซ้ำรอบที่ 2 ได้นั้น ตนมองว่าทั้ง 2 เรื่องนี้มีใบสั่งมาก่อนแล้ว เพราะถ้ายึดตามหลักเหตุผลทางกฎหมายต่างๆ ที่มีการอภิปราย สามารถเสนอชื่อนายพิธาฯ ได้อยู่แล้ว

พ.ต.วินัย สายต่างใจ

แต่ในเมื่อมีใบสั่งมาแล้ว ก็ทำให้ผลการยกมือลงมติเป็นเช่นนั้น ซึ่งหลังจากนี้ไปความกดดันก็จะตกไปอยู่ที่ฝั่งของพรรคเพื่อไทย ว่าจะส่งใครไปเข้าสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะในเมื่อมีบรรทัดฐานใหม่ว่าจะส่งชื่อได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น และท่าทีของ ส.ว.ก็ไม่อยากให้มีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการเดิมพันที่สูงมากสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะถ้าตัดสินใจผลักดันพรรคก้าวไกลออกไปอยู่ฝ่ายค้าน แล้วหันไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคอื่นๆ ที่เคยอยู่ฝั่งรัฐบาลทหารเดิม แล้วยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพียงเพื่อให้ได้เสียงจาก ส.ว. และเพื่อให้นายทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านได้ จะเป็นการทิ้งอุดมการณ์การเป็นพรรคการเมืองที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปทันที ไม่ต่างอะไรกับพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม

ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าคนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ก็จะเทคะแนนมาให้พรรคก้าวไกลกันหมดแน่ ซึ่งตนมั่นใจว่านายทักษิณฯ และผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน เพราะนายทักษิณฯ และครอบครัวชินวัตร ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด และนายทักษิณฯ ก็รู้อยู่แล้วว่ามวลชนฝ่ายประชาธิปไตยมีมากกว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม ถ้าทำอย่างนั้นจะส่งผลทำให้เกิดวิกฤตของประเทศถึงขั้นนองเลือดแบบเหตุการณ์ 14 ตุลาแน่นอน.